ตะลึงยักษ์ค้าปลีกทั่วปท.4พันสาขา พาณิชย์งัวเงียวอนอย่าขยายเพิ่มอีก  ค้าปลีกไทยสูญพันธุ์ ธุรกิจสมัยใหม่ขยายตัวรุกทุกพื้นที่ของประเทศ สถิติล่าสุดมีสาขาถึง 4 พันแห่งทั่วประเทศ เพิ่มจาก 1,821 สาขาในปี 2544 พาณิชย์ ตื่นอีกรอบ ปัดฝุ่นกฎหมายค้าปลีกฉบับที่ร่างเสร็จ แต่ไม่คลอดมาใช้สกัด พร้อมส่งคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าอนุมัติไกด์ไลน์ค้าส่งค้าปลีก ส่วนเฉพาะหน้า ขอความร่วมมือผู้ประกอบการเบรกขยายสาขา และวอนหน่วยงานรัฐช่วยสกัดการขยายสาขาอีกทาง แหล่งข่าวจากจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสมัยใหม่ พบว่ามีอัตราการขยายตัวสูง โดยมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นจากปี 2544 ที่มีจำนวน 1,821 สาขาเป็นจำนวน 3,999 สาขาในปี 2549 คิดเป็นร้อยละ 119.60 และมีมูลค่าการขายเพิ่มขึ้นจากปี 2544 ที่มีมูลค่า 208,844 ล้านบาท เป็น 335,398 ล้านบาทในปี 2547 คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 60.60 ทั้งนี้ ในการขยายธุรกิจข้างต้น มีการเพิ่มรูปแบบของธุรกิจเป็นรูปแบบร้านค้าประเภทที่มีขนาดพื้นที่เล็กลงเพื่อหลีกเลี่ยงข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยผังเมืองเพื่อเสนอบริการเป็นร้านค้าสะดวกซื้อ ที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง มีสินค้าหลากหลาย สามารถครอบครองส่วนแบ่งตลาดมากขึ้น โดยกระจายไปตามแหล่งชุมชนต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทำให้ร้านค้าปลีกดั้งเดิมได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ขณะเดียวกัน ยังพบว่ามีการใช้กลยุทธ์ราคาต่ำ ในการตั้งราคาขายสินค้าของธุรกิจค้าส่งค้าปลีกขนาดใหญ่ โดยจะตั้งราคาขายสินค้าต่ำกว่าราคาร้านค้าปลีกดั้งเดิม (โชห่วย) ส่งผลให้ร้านค้าปลีกดั้งเดิมขนาดเล็กที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งผู้ผลิต ซัปพลายเออร์ ที่เป็นคู่ค้ากับธุรกิจค้าส่งค้าปลีกขนาดใหญ่ดังกล่าว ได้รับผลกระทบทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบการแข่งขัน แหล่งข่าวกล่าวว่า เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าว กรมการค้าภายในจะผลักดันให้มีการนำกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งมาบังคับใช้ เพราะจะสามารถกำกับดูแลธุรกิจค้าส่งค้าปลีกได้อย่างชัดเจน เนื่องจากจะมีการระบุให้ต้องขออนุญาตตั้งหรือขยายสาขา กำหนดพื้นที่ ขนาด และจำนวนธุรกิจ ทั้งระบุระยะห่างระหว่างร้านค้า รวมทั้งเงื่อนไขที่จำเป็นได้ โดยจะมีคณะกรรมการกลางและส่วนจังหวัดกำกับดูแล นอกจากนี้ กำลังจะเสนอให้คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าให้ความเห็นชอบแนวทางการปฏิบัติทางการค้าระหว่างผู้ประกอบธุรกิจค้าส่งค้าปลีก กับผู้ผลิต ซัปพลายเออร์ (ไกด์ไลน์ค้าส่งค้าปลีก) ซึ่งขณะนี้ได้จัดทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่รอกฎหมายและไกด์ไลน์ค้าส่งค้าปลีก กรมการค้าภายในจะขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสมัยใหม่ แจ้งนโยบายและแผนการขยายสาขาต่อกรมการค้าภายใน และขอให้ระงับหรือชะลอการจัดตั้งสาขาในเขตชุมชนไว้ก่อน เพื่อประเมินสถานการณ์และผลกระทบตามข้อร้องเรียนของร้านค้าส่งค้าปลีกดั้งเดิม รวมทั้งกำหนดมาตรการที่เหมาะ จะขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมโยธาธิการและผังเมือง กรุเทพมหานคร องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล ในการยับยั้งหรือชะลอการพิจารณาอนุญาตการจัดตั้ง หรือขยายสาขาของผู้ขออนุญาตก่อสร้างอาคารที่จะใช้ประกอบกิจการค้าปลีกสมัยใหม่ในเขตชุมชนไว้ก่อนด้วยแหล่งข่าวกล่าว สำหรับรูปแบบของธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสมัยใหม่ ปัจจุบันนี้มีหลายรูปแบบ ได้แก่ ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ เช่น เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี แม็คโคร คาร์ฟูร์ ห้างสรรพสินค้า เช่น เซ็นทรัล เดอะมอลล์ ร้านสรรพาหาร เช่น ท๊อปส์ ร้านสะดวกซื้อ เช่น 7-eleven โลตัสเอ็กซ์เพรส ร้านเฉพาะอย่าง เช่น วัตสัต บูธ นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้เตรียมยกร่างกฎหมายควบคุมการให้ของแถมของรางวัลในสินค้าต่าง ๆ เนื่องจากที่ผ่านมาผู้บริโภคถูกชักจูงให้ซื้อสินค้า เพราะต้องการของแถม หรือต้องการชิงรางวัลในรูปแบบต่าง ๆ ทำให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าเกินความจำเป็น และของแถมบางชนิดเป็นสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ ซึ่งกรมการค้าภายใน อยู่ระหว่างกำลังศึกษารูปแบบกฎหมาย ที่หลายประเทศนำมาใช้ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ทั้งนี้กฎหมายแข่งขันทางการค้าของญี่ปุ่นได้กำหนดให้มีของแถมที่คู่กับสินค้ามูลค่าไม่เกิน 10 % ของราคาสินค้า ขณะที่การชิงรางวัล รางวัลต้องมีมูลค่าไม่เกิน 20 เท่าของสินค้า หรือ ไม่เกิน 100,000 เยน แต่กรมการค้าภายในจะกำหนดกฎเกณฑ์ที่ผ่อนปรนกว่าญี่ปุ่น เพราะเข้าใจพฤติกรรมของคนไทยที่ชอบของแถมมากกว่า แต่ยืนยันว่า จะไม่นำต้นทุนการผลิตของแถม หรือของรางวัลต่าง ๆ มารวมกับต้นทุนการผลิตสินค้าอย่างเด็ดขาด โดยการยกร่างดังกล่าวจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อเสนอต่อรมว.พาณิชย์ ก่อนนำเข้าเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบต่อไป |