นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กรมการค้าภายใน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และหอการค้าไทย เพื่อแก้ปัญหากรณีที่สมาคมต่อต้านการค้าปลีกข้ามชาติร้องเรียนมาได้รับผลกระทบจากการขยายสาขาของห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ วานนี้ (7 ก.ย.) ว่า แนวทางแก้ไขในระยะสั้นจะขอความร่วมมือให้ห้างต่างๆ ที่มีแผนขยายสาขาในแหล่งชุมชนระงับไว้ก่อนทุกกรณี
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวต่อว่า สำหรับห้างที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างจะขอความร่วมมือให้ชะลอออกไปด้วยเช่นกัน แม้ว่ากระทรวงพาณิชย์จะไม่มีข้อกฎหมายห้ามได้ แต่จะให้ทางกระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการที่จะชะลอแผนการขยายสาขาของแต่ละห้างได้ พร้อมกันนี้จะเชิญผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้ามาหารือถึงผลกระทบจากการขยายสาขาในสัปดาห์หน้า และจะมีการลงนามข้อตกลงร่วมกัน ว่า ในการก่อสร้างห้างต่างๆ จะต้องได้รับการเห็นชอบ และได้มีการทำประชาพิจารณ์จากคนในพื้นที่แล้ว เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หรือเทศบาล รวมถึงผู้เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าของพื้นที่ หรือร้านค้าที่ได้รับผลกระทบว่าจะสามารถก่อสร้างได้หรือไม่
"ในระยะยาวจะประสานกระทรวงมหาดไทยให้เข้มงวดในการยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างในพื้นที่ชุมชน โดยนำกฎหมายผังเมืองมาใช้" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวและว่า ขณะเดียวกันให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ลงพื้นที่อบรมผู้ประกอบการรายย่อย ปรับปรุงการทำธุรกิจให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป นอกจากนี้ กรมการค้าภายในจะไปปรับปรุงพระราชบัญญัติการค้าปลีกที่เคยร่างไว้เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา โดยให้ร่างหลักเกณฑ์กฎหมายใหม่ให้มีความทันสมัยกับระบบการค้าในปัจจุบันก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่พิจารณาเห็นชอบต่อไป หากดูปริมาณตัวเลขการขยายสาขาของแต่ละห้าง ตัวเลขในปี 2548 มีห้างค้าปลีกและมินิมาร์ททั่วประเทศจำนวน 3,709 แห่ง และคาดว่าในปี 2551 จะเพิ่มขึ้นเป็น 4,629 แห่ง |