วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 30 ฉบับที่ 3844 (3044)
หอฯเชียงใหม่กระทุ้งรัฐสกัดยักษ์ค้าปลีก บิ๊กซี-คาร์ฟูร์-โลตัสขยายสาขาไม่หยุดหอการค้าเชียงใหม่ออกโรงจี้รัฐเร่งแก้ปัญหาผลกระทบการรุกขยายสาขาของห้างค้าปลีกข้ามชาติ เสนอกระทรวงพาณิชย์ชะลอการขยายเพิ่มสาขาห้างค้าปลีกข้ามชาติในเขตอำเภอรอบนอก และระงับการก่อสร้างสาขาที่กำลังจะดำเนินการ พร้อมให้เร่งออกกฎหมายควบคุมจำนวนและสถานที่ตั้งของโมเดิร์นเทรดในแต่ละพื้นที่ และเร่งพิจารณาออกกฎหมายควบคุมเงื่อนไขการค้าที่ไม่เป็นธรรม ด้านยักษ์ค้าปลีกยังปูพรมขยายสาขาไม่หยุด ล่าสุดเตรียมเปิดเพิ่มอีก 5 แห่ง
นายณรงค์ ตนานุวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้การรุกขยายสาขาของห้างค้าปลีกข้ามชาติในจังหวัดเชียงใหม่ได้กลายเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการร้านค้าปลีกรายย่อยในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอรอบนอกที่เป็นเป้าหมายสำคัญที่ห้างค้าปลีกมีแผนการขยายสาขาเพิ่มมากขึ้น โดยเมื่อเร็วๆ นี้ หอการค้าได้รับหนังสือร้องเรียนจากผู้ประกอบการร้านค้าปลีกรายย่อยในท้องถิ่นและอำเภอรอบนอกของจังหวัดเชียงใหม่กว่า 208 ราย ที่ได้รับผลกระทบจากการขยายสาขาของห้างค้าปลีก-ค้าส่งขนาดใหญ่
ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2549 ที่ผ่านมา หอการค้าได้จัดประชุมระดมสมองกับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบในจังหวัดเชียงใหม่ในหลายอำเภอ เช่น อำเภอแม่แตง, ฝาง, จอมทอง ฯลฯ ที่ได้รับผลกระทบจากการขยายสาขาของห้าง ค้าปลีกข้ามชาติ ณ หอการค้า ซึ่งได้ข้อสรุปและข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาที่สำคัญ โดยได้นำเสนอต่อนายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์แล้ว เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 ที่จังหวัดเชียงใหม่
สำหรับข้อเสนอแนะนายณรงค์กล่าวว่า ในระยะสั้นเสนอให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาชะลอการขยายเพิ่มสาขาห้างค้าปลีกข้ามชาติในเขตอำเภอรอบนอกของจังหวัดเชียงใหม่ และระงับการก่อสร้างสาขาที่กำลังจะดำเนินการ เนื่องจากจำนวนประชากร-กำลังซื้อของท้องถิ่น รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวกับห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ข้ามชาติที่มีอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ มีความเพียงพอแก่ความต้องการแล้ว ส่วนรายละเอียดหอการค้าจะได้ร่วมกับองค์กรของรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อยที่ได้รับผลกระทบ มาร่วมกันหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาอีกครั้งหนึ่ง
นอกจากนี้ในระยะกลางภาครัฐควรเร่งออก กฎหมายควบคุมจำนวนและสถานที่ตั้งของ modern trade ในแต่ละพื้นที่ (zoning) โดยการพิจารณาจากข้อมูลจำนวนร้านค้าที่มีอยู่และจำนวนประชากรในพื้นที่ รวมทั้งให้มีการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พ.ร.บ.ค้าปลีก ค้าส่ง, พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม ฯลฯ ทั้งนี้จะต้องมีการสร้างความเข้าใจให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการคุ้มครองธุรกิจขนาดย่อมในท้องถิ่นด้วย
รวมทั้งภาครัฐควรเร่งพิจารณาออกกฎหมายควบคุมเงื่อนไขการค้าที่ไม่เป็นธรรม เช่น การจำกัดระยะเวลาการปิดเปิดกิจการ การห้ามขายสินค้าต่ำกว่าต้นทุน การจำกัดจำนวนครั้งในการลดราคาหรือห้ามการลดราคาโดยไม่จำเป็น ยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียมแรกเข้า (entrance fee) จากซัพพลายเออร์ในท้องถิ่น และภาครัฐควรออกกฎหมายให้โมเดิร์นเทรดเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีเงินได้นิติบุคคลในท้องถิ่น เพื่อเป็นฐานภาษีให้รัฐจัดสรรภาษีคืนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาใช้ในการพัฒนาท้องถิ่น
ด้านนายเฉลิมชาติ นครังกุล รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สำหรับประเด็นเรื่องการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการลงทุนของห้างค้าปลีก-ค้าส่งขนาดใหญ่ในพื้นที่ หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ได้ติดตามและผลักดันการแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่องกว่า 10 ปี ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการร้านค้าปลีกรายย่อยหรือโชห่วยก็ได้รับผลกระทบมามากพอแล้ว สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจำเป็นอย่างยิ่งที่ภาครัฐต้องเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการท้องถิ่นโดยเร็วที่สุด
สำหรับการขยายสาขาเพิ่มของห้างค้าปลีกในปัจจุบันในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ยังคงมีแผนเดินหน้าต่อไป โดยคาดว่าจะมีทั้งสิ้นอีกกว่า 5 โครงการ ได้แก่ 1.ห้างบิ๊กซีที่อยู่ระหว่างก่อสร้างบริเวณสี่แยกตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่ประมาณ 20 ไร่ ซึ่งจะทำให้เชียงใหม่และลำพูนมีสาขาของบิ๊กซีถึง 3 แห่ง 2.โลตัสสาขาอำเภอฝาง 3.โลตัสสาขาอำเภอฮอด 4.โลตัสสาขาอำเภอแม่แตง และ 5.ห้างคาร์ฟูร์สาขาหางดง เป็นต้น
หน้า 30