คตส.ฟันอาญาทั้ง "บรรณพจน์-หญิงอ้อ-คนใช้" 
คตส.ฟันอาญาทั้ง "บรรณพจน์-หญิงอ้อ-คนใช้" |
 |
โดย เดลินิวส์
วัน จันทร์ ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 08:55 น. |
|
คตส.ฟันอาญาทั้ง ''''''บรรณพจน์-หญิงอ้อ-คนใช้''''''
คตส.เดินหมาก ไล่บี้ฟันอาญา บรรณพจน์-พจมาน-คนใช้ ตั้งทีมทำงานรัดกุมคดีหุ้นชินคอร์ปฯ หวังลากตัวคนโกงเข้าคุก ทนายแม้วเปิดโรงแรมหรู แถลงปักหลักสู้ตายไม่ถอย ขอพึ่งบารมีให้ศาลเป็นผู้ตัดสินยื้อเกมยาวจนถึงชั้นฎีกา ระบุตัวแทน โอ๊ค-เอม เข้าเจรจากรมสรรพากรเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่บรรณพจน์เริ่มหาช่องกฎหมายเคลียร์เงินภาษี เตรียมทุ่มพันล้านพิสูจน์ไร้เจตนาโกง จวกยับ ศิโรตม์ ไหลรื่นตามการเมือง เชื่อมั่นรายการ ทักษิณ จ้อไม่เข้าข่ายมาตรา 100 จ้อน ตะลุยเกาะติด เหลือบสูบเลือดสุวรรณภูมิ แฉพิรุธคนใกล้ชิด ทั้งน้องอดีตรัฐมนตรี ผู้บริหารทอท. มีเอี่ยวแบ่งเค้กร้านอาหารในสนามบิน วอน ทอท. ตรวจสอบด่วน หลังผู้ใช้บริการร้องเรียนอาหาร-น้ำดื่มแพงเกิน
ความคืบหน้าการทำงานของคณะกรรม การตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวคตส.ว่า ในการประชุมคตส.วันที่ 27 พ.ย.นี้ คณะอนุกรรมการตรวจสอบกรณีการซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่มีนายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ กรรมการคตส. เป็นประธาน จะเสนอให้ที่ประชุมคตส.มีมติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร และน.ส.ดวงตา วงศ์ภักดี ในกรณีการซื้อขายหุ้นบริษัทชินวัตร คอมพิวเตอร์นั้น คณะอนุกรรมการจะเสนอตั้งคณะกรรมการไต่สวนประมาณ 4-5 คน
คตส.ไล่บี้อาญาหุ้นชิน ทางคณะอนุกรรมการตรวจสอบฯจะเสนอความเห็นในเรื่องการทำนิติกรรมอำพรางของนายบรรณพจน์ และคุณหญิงพจมาน ให้คณะอนุกรรมการไต่สวนได้พิจารณาควบคู่ไปกับการดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายรัษฎากรมาตรา 37 ด้วย เนื่องจากได้พบว่ามีความพยายามปิดบังและทำนิติกรรมอำพราง ถือว่ากรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา
แหล่งข่าวกล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่ค่อยพบการกระทำในลักษณะนี้ อาจจะเป็นเพราะระบบธุรกิจใหม่ที่ต้องมีตลาดหลักทรัพย์เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยทำให้เกิดความซับซ้อนขึ้น และไม่เคยพบ กรณีที่ตั้งใจหลีกเลี่ยงภาษีจนถูกดำเนินคดีอาญาบ่อยครั้งนัก แต่กรณีนี้พบว่ามีความตั้งใจหลีกเลี่ยงภาษี จึงมั่นใจว่าจะดำเนินคดีอาญากับผู้เกี่ยวข้องได้ ซึ่งไม่เพียงจะดำเนินคดีตามมาตรา 37 แล้ว ยังคาบเกี่ยวกับเรื่องนิติกรรมอำพรางด้วย ซึ่งในประเด็นนี้ต้องมีการพิสูจน์ว่ามีเจตนาฉ้อโกงรัฐจากการทำนิติกรรมอำพรางหรือไม่ เพราะตามกฎหมายการทำนิติกรรมอำพรางจะเข้าในกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่หากพิสูจน์ได้ว่ามีเจตนาฉ้อโกงรัฐ ก็จะเข้าสู่กฎหมายอาญาที่มีโทษจำคุกด้วย
ฟัน บรรณพจน์-พจมาน ด้านนายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส. และอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ คตส. จะประชุมในวันที่ 27 พ.ย.นี้ เพื่อมีมติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนตามที่คณะอนุกรรมการตรวจสอบโครงการทุจริตชุดต่าง ๆ เสนอว่า ชุดอื่นไม่ทราบ แต่คณะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปจะเสนอต่อที่ประชุม คตส. ให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนดำเนินคดีกับนายบรรณพจน์ คุณหญิงพจมาน ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี และ น.ส.ดวงตา วงศ์ภักดี คนรับใช้ในบ้านคุณหญิงพจมาน ในกรณีการซื้อขายหุ้นบริษัทชินวัตร คอมพิวเตอร์ คอมมิวเนเคชั่น ข้อหาหลีกเลี่ยงภาษี
ขั้นตอนลากคนโกงเข้าคุก นายสัก กล่าวอีกว่า หลังจากตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนแล้วจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ เพื่อให้โอกาสนำข้อมูลหลักฐานเข้าชี้แจง จากนั้นคณะอนุกรรมการฯ จะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดก่อนนำเข้าที่ประชุมคตส.อีกครั้งถ้าคดีไหนไม่มีมูล พยานหลักฐานอ่อนก็ต้องยุติ แต่ถ้าคดีไหนมีมูลก็ดำเนินการต่อไป โดยส่งให้อัยการเพื่อดำเนินการฟ้องต่อศาลต่อไป ส่วนกรณีที่จะสามารถเอาผิดกับคนเหล่านี้มาลงโทษได้หรือไม่ ขึ้นอยู่ที่การพิจารณาของศาล
ทนายแม้ว แถลงสู้ไม่ถอย ที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ ช่วงเช้าวันเดียวกัน นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว เปิดแถลงข่าวว่า จากกรณีที่ทางกรมสรรพากร มีหนังสือเรียกนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกฯไปชี้แจงเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นบริษัทชินวัตร คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในวันที่ 27 พ.ย.ที่จะถึงนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางผู้รับมอบอำนาจของนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ได้เดินทางไปพบกับเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรเรียบร้อยแล้ว เพราะถือเป็นเรื่องความสะดวกเจ้าหน้าที่ว่างตรงกัน และ น.ส. พิณทองทา ก็ยังอยู่ที่ประเทศอังกฤษด้วย
ตัวแทน โอ๊ค-เอม พบจนท. นายนพดล กล่าวว่า การพบดังกล่าวเป็นการพบกันครั้งแรก โดยตัวแทนของนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ได้ไปสอบถามเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรว่าต้องการข้อมูลอะไรเพิ่มเติมบ้าง และเจ้าหน้าที่ก็ได้ขอเอกสาร ข้อมูลเพิ่มเติม เช่น เอกสารการซื้อขายหุ้น ซึ่งทางนายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือมอบเอกสารให้กับเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร ซึ่งทาง คตส. และกรมสรรพากรอาจจะยังไม่มีข้อมูลครบถ้วนเราจึงพร้อมให้ความร่วมมือและเคารพการทำงานของ คตส. และกรม สรรพากร ดังนั้นคงจะมีการพบปะกันต่อไปอีกเรื่อย ๆ ส่วนจะพบกันอีกกี่ครั้งก็อยู่ที่ความพอใจของกรมสรรพากรว่าได้เอกสารครบถ้วนหรือยัง
แม้ความเห็นทางกฎหมายอาจจะแตกต่างกัน แต่นายพานทองแท้และ น.ส.พิณทองทา ก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลฎีกา บุคคลที่ถูกกล่าวหาคือ นายพาน ทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา และนายบรรณพจน์ พี่ชายบุญธรรมของคุณหญิงพจมาน พร้อมที่จะไปพิสูจน์ข้อกฎหมาย ใช้กระบวนการยุติธรรมจนสุดปลายถนนหมายถึงศาลฎีกา คือถ้าศาลสั่งอย่างไรในฐานะพลเมืองดีของประเทศก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามกฎหมาย ขณะนี้นายบรรณพจน์ยังไม่ได้รับการติดต่อจากกรมสรรพากร แต่ถ้ามีการติดต่อมาก็พร้อมให้ข้อมูลซึ่งหากต้องไปชี้แจงด้วยตัวเองก็พร้อม เรื่องนี้เคยมีการเรียกผู้เกี่ยวข้องไปให้ปากคำและเคยทราบว่าไม่มีภาระภาษี
ให้รอฟังศาลตัดสินชี้ขาด ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าคดีนี้ต้องสู้กันยาว นายนพดล ตอบว่า เป็นสิทธิตามกฎหมายเมื่อถามว่าในกรณีของนายบรรณพจน์ ที่จะต่อสู้ในชั้นศาล จะต้องมีการวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน ถ้ารวมกับเงินค่าปรับจะต้องมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1 พันล้านบาท นายบรรณพจน์ ยังจะสู้คดีในชั้นศาลอีกหรือ นายนพดล กล่าวว่า ถ้ากรมสรรพากรสั่งให้ดำเนินการอย่างไร นายบรรณพจน์ ก็ต้องปฏิบัติตาม แต่การพิสูจน์ว่าได้ดำเนินการโดยชอบ ไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงการชำระภาษีก็คงต้องดำเนินการจนถึงชั้นศาล อยากให้มองว่ากรณีนี้เป็นเรื่องปกติในด้านภาษี ซึ่งผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิพิสูจน์ข้อเท็จจริง
เมื่อถามต่อว่า ตามกฎหมายนายบรรณพจน์ ต้องจ่ายภาษีภายใน 30 วัน จะมีการขอพิสูจน์ทางศาลก่อนโดยยังไม่ต้องจ่ายภาษีได้หรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า ทางทฤษฎีผู้ที่ถูกประเมินภาษีจะต้องชำระภาษีไปก่อน และสามารถอุทธรณ์คัดค้านได้ แต่ขอสื่อมวลชนอย่าไปเขียนว่านายบรรณพจน์ จะไปจ่ายก่อนแล้วอุทธรณ์ภายหลังเพราะถือเป็นเรื่องในทางทฤษฎี แต่การดำเนินการในทางกฎหมายมีหลายช่องทางที่จะให้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ที่ถูกกล่าวหา ซึ่งนายบรรณพจน์ ได้เตรียมทีมกฎหมายเอาไว้สู้คดีทั้งในเรื่องภาษีและคดีอาญาด้วย และขอย้ำว่ากรมสรรพากรไม่ใช่ผู้ที่มีเสียงเป็นคนสุดท้าย แต่ศาลเป็นผู้ที่มีเสียงตัดสินเป็นคนสุดท้าย
ยัน ศิโรตม์ ชี้ไม่ต้องเสียภาษี ต่อข้อถามว่าทาง คตส.มีข้อมูลยืนยันได้ว่าการซื้อขายหุ้นระหว่างนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา กับบริษัทแอมเพิลริช ไม่มีการซื้อขายจริง นายนพดลตอบว่า คตส. มีสิทธิแสดงความเห็น แต่ครอบครัวชินวัตรก็จะต่อสู้ว่ามีการซื้อขายจริงอย่างเปิดเผย มีหลักฐานยืนยันได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่นายศิโรตม์ สวัสดิพา ณิชย์ อธิบดีกรมสรรพากร ยืนยันว่าไม่มีการซื้อขายจริง นายนพดลกล่าวว่า ก่อนการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนายศิโรตม์เคยบอกว่ากรณีนี้ไม่ต้องเสียภาษีและมีการซื้อขายจริง แต่ปัจจุบันกลับมาพูดตรงกับ คตส. ก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ส่วนกรณีที่ คตส.จะเชิญ 3 อดีตนายกรัฐมนตรีชี้แจงเรื่องการซื้อที่ดินย่านรัชดาฯของคุณหญิงพจมาน นายนพดลกล่าวว่า ครอบครัวชินวัตรไม่รู้สึกหวั่นไหวอะไร เพราะอดีตนายกฯคงให้ข้อมูลตามประสบการณ์ คิดว่าคงไม่ค่อยเกี่ยวข้อง ซึ่งเรื่องที่ดินย่านรัชดาฯเป็นเรื่องข้อกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 100 ส่วนที่ คตส.ขอข้อมูลที่ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวในรายการนายกฯทักษิณคุยกับประชาชน เพื่อมัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าไปกำกับดูแล ธปท.นั้น เท่าที่ตนฟังการพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณในรายการดังกล่าว เห็นว่าเป็นคำพูดทั่ว ๆ ไป ไม่เจาะจงอะไร ไม่ได้แสดงว่ามีอำนาจดำเนินการตามมาตรา 100
แฉร้านอาหารสุวรรณภูมิ ขณะเดียวกันที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชันพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ทางพรรคได้รับการร้องเรียนเรื่องความไม่โปร่งใส ผ่านตู้ ป.ณ.222 จากกลุ่มพนักงานผู้ปฏิบัติ หน้าที่ในสนามบินสุวรรณภูมิ ในการคัดเลือกร้านอาหารสวัสดิการพนักงานและบริษัทที่เข้าไปดำเนินงาน มีลักษณะการแบ่งเค้กกับผู้ใกล้ชิดกับผู้บริหารในอดีตของ บริษัท การท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และญาติพี่น้องนักการเมือง
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ร้านอาคารสวัสดิ การฯ มี 3 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 มี 3 ร้านค้า ได้แก่ บริเวณชั้น 1 อาคารสนามบินด้านนอกฝั่งตะวันออก, บริเวณชั้น 1 อาคารสนามบินด้านนอกฝั่งตะวันตก (อยู่ปลายอาคารสนามบิน) และบริเวณชั้น 1 ทางเดิน (สำหรับพนักงานในเขตลานบิน) นอกอาคารสนามบิน ส่วนจุดที่ 2 ร้านอาหารในฟรีโซน ตั้งอยู่ในคาร์โก้ใกล้อาคารจอดรถทั้ง 2 ช่อง สำหรับจุดที่ 3 ร้านอาหารในสถานีขนส่งผู้โดยสาร (Bus Terminal) ซึ่งร้านอาหารทั้ง 3 จุดนี้ได้มี จดหมายร้องเรียนเข้ามาว่าราคาอาหาร น้ำดื่มแพง เกินไป ทั้งที่ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นพนักงานชั้นผู้น้อย ประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องทำงานอยู่ในสนามบินสุวรรณภูมิ
วอนทอท.ตรวจสอบด่วน ที่สำคัญยังพบว่าร้านอาหารทั้ง 3 จุด ไม่มีการประมูลคัดเลือกผู้เข้าไปดำเนินการเปิดร้านอาหาร โดยผู้ได้รับการประมูลมีทั้ง น้องชาย อดีตรัฐมนตรี เจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งเป็น ที่ปรึกษาของ ทอท. รวมไปถึงผู้บริหารบางคนในทอท. จึงขอเรียกร้องให้ผู้บริหาร ทอท.เข้ามาตรวจสอบและแก้ไขด่วนใน 3 ประเด็น 1.ราคาอาหารแพงเกินไป 2.ต้องตรวจสอบว่าทำไมถึงไม่มีการแข่งขัน และ 3.ทำไมมีน้องชายอดีตรัฐมนตรีได้เข้าไปดำเนินการและยังนำพื้นที่ไปแบ่งให้เช่าอีก
สตง.สรุปผลสอบบิ๊กสรรพากร มีรายงานจากคตส.ด้วยว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ส่งเอกสารสรุปผลการสอบสวนกรณีการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป-แอมเพิล ริช ของนายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา นอกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อันเป็นหนึ่งในดีลการซื้อขายระหว่างชินคอร์ปฯกับเทมาเส็ก ซึ่งเดิมกรมสรรพา กรได้เคยออกคำแถลงว่าการซื้อขายหุ้นดังกล่าวไม่ต้องเสียภาษีแต่ต่อมานายศิโรตม์ อธิบดีกรมสรรพากรได้สั่งให้นายพานทองแท้และน.ส.พิณทองทา มาชี้แจงกับกรมสรรพากรและเตรียมเรียกจัดเก็บภาษีย้อนหลังพร้อมค่าปรับเป็นเงินกว่าหมื่นล้านบาทนั้น มีรายงานว่าผลการสอบสวนของสตง.นั้นระบุว่า ผู้บริหารกรมสรรพากรทั้งหมดที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับอธิบดีคือนายศิโรตม์ และลูกน้องรวมทั้งหมด 6 คน ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กรณีไม่ทำการจัดเก็บภาษีอันทำให้รัฐได้รับความเสียหายจากการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
สพรั่ง ลุยล้างสุวรรณภูมิ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังจากที่ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผช.ผบ.ทบ. และผู้ช่วยเลขาฯคมช. ในฐานะประธานบอร์ดบริษัทการท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศในการประชุมบอร์ดทอท.ตั้งแต่วันแรกว่าจะเข้าไปตรวจสอบสัญญาทุกโครงการของ สนามบินสุวรรณภูมิมาตรวจสอบเพื่อดูว่ามีสัญญาโครงการใดบ้างที่ไม่ถูกต้องนั้น ขณะนี้ พล.อ. สพรั่ง สนใจจะเข้าไปตรวจสอบโครงการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพราะก่อนหน้านี้ได้มีบริษัทที่ทำธุรกิจด้านห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของประเทศเข้าร้องเรียนและให้ข้อมูลเชิงลึกกับสตง.ว่าการประมูลโครงการดังกล่าวไม่เป็นธรรมและทำให้รัฐเสียเปรียบ จึงจำเป็นต้องตรวจสอบสัญญาอย่างละเอียด
ก่อนหน้านี้ พล.อ.สพรั่ง ได้แต่งตั้งคณะทำงาน 3 ชุด เพื่อตรวจสอบใน 3 เรื่องใหญ่คือ 1.คณะทำงานทำหน้าที่คลี่คลายปัญหาผู้ใช้บริการสนามบินและผู้อยู่รอบสนามบินสุวรรณภูมิ 2.คณะทำงานดูแลเรื่องความปลอดภัยจากปัญหาอาชญากรรมและการก่อการร้าย และ3.คณะทำงานดูแลเรื่องปัญหาการทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีรายงานว่าเตรียมทาบทามบุคคลต่าง ๆ มาร่วมทำงาน เช่น นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ สมาชิกสนช. ฯลฯ. | |