คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น |
| | |
 |
พาณิชย์ปล่อยผีขึ้นราคาน้ำมันปาล์มอีกขวดละ 5.50 บาท ส่งผลให้ราคาขายปลีกแตะเพดาน 43.50 บาท มีผลในวันปีใหม่ 1 ม.ค.นี้ ชี้ ราคาปาล์มขยับจากโลละ 2 บาท เพิ่มเป็น 5 บาท ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองรอจ่อคิว หลังราคาขยับจากโลละ 8 บาท เพิ่มเป็น 16 บาท วันนี้ (26 พ.ย.) นางวัชรี วิมุกตายน รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้อนุมัติให้ผู้ประกอบการน้ำมันพืช (ปาล์ม) บรรจุขวดชนิด 1 ลิตร ปรับขึ้นราคาเพดานอีกขวดละ 5.50 บาท เป็นขวดละ 43.50 บาท จากเดิมขวดละ 38 บาท โดยให้ปรับราคาขึ้นเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกให้ปรับขึ้นราคาจากขวดละ 38 บาท มาเป็น 41 บาท ซึ่งมีผลบังคับใช้ทันทีหลังการอนุมัติ และหลังวันที่ 1 ม.ค.2551 จึงจะปรับขึ้นราคาตามเพดานสูงสุด 43.50 บาท ที่ยอมอนุมัติให้น้ำมันปาล์มขึ้นราคา เพราะต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นจริงๆ โดยผลปาล์มราคาขึ้นมาเกือบเท่าตัวจากกิโลกรัมละ 2 บาท มาอยู่ที่ 4-5 บาท ส่งผลให้น้ำมันปาล์มดิบราคาขึ้นมาอยู่ที่ลิตรละ 30-33 บาท จากปีที่แล้วราคาอยู่ที่ 14-15 บาท ทั้งนี้ กรมการค้าภายในไม่ได้ให้ปรับราคาเพดานขึ้นตามที่ผู้ประกอบการขอมาถึง 45.50 บาท แต่ให้ปรับขึ้นเพียง 43.50 บาท และยังต้องทยอยปรับ เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบเกินไป ขณะที่กลุ่มน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวด ก็มีแนวโน้มที่จะอนุมัติปรับขึ้นราคาเช่นกัน เพราะวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตน้ำมันถั่วเหลืองมีราคาสูงขึ้นเป็นเท่าตัว โดยเฉพาะถั่วเหลืองจากปีที่แล้วกิโลกรัมละ 8 บาท ขึ้นมาอยู่ที่ 16 บาท ราคาเพดานน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวดปัจจุบันอยู่ที่ขวดละ 40 บาท จึงต้องขอศึกษาข้อมูลก่อนว่าจะให้อนุมัติปรับราคาเพดานเพิ่มขึ้นเป็นเท่าไหร่ ส่วนกรณีที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมปรับขึ้นราคาน้ำนมดิบให้กับกลุ่มผู้เลี้ยงโคนมอีกกิโลกรัมละ 2 บาท เป็นกิโลกรัมละ 16.50 บาท จากเดิม 14.50 บาทนั้น หากอนุมัติให้น้ำนมดิบปรับขึ้นราคา กรมการค้าภายในก็ต้องพิจารณาให้ผู้ประกอบการกลุ่มผลิตภัณฑ์นมขึ้นราคาตาม แต่จะขึ้นเท่าไหร่ต้องขอดูต้นทุนที่เพิ่มขึ้นก่อน กลุ่มนมจัดเป็นกลุ่มที่มีต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นมาก โดยผู้ประกอบการแจ้งว่า แนวโน้มนมผงจะปรับเพิ่มขึ้นอีกตันละ 1,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือขึ้นมาอยู่ที่ 5,000 เหรียญ จาก 4,000 เหรียญ ซึ่งถือว่าขึ้นมากแล้ว เพราะปีที่แล้วราคานมผงอยู่ที่ 2,000 เหรียญเท่านั้น ทำให้ผู้ประกอบการหันมาใช้น้ำนมดิบมากขึ้น แต่ปัจจุบันราคาน้ำนมดิบก็ปรับขึ้นตามอีก ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องขอปรับขึ้นราคา นางวัชรี กล่าว ก่อนหน้านี้ นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ กรมการค้าภายในจะเชิญผู้ประกอบกลุ่มน้ำมันพืช และแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยื่นขอปรับราคาสินค้าเข้ามาหารือ เพื่อสอบถามถึงสถานการณ์ และสตอกสินค้าที่จะสามารถแบกรับภาระต้นทุนที่ยังไม่ปรับขึ้นราคาถึงช่วงปลายปีนี้ แต่ที่กังวลคือ การกักตุนสินค้า โดยจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบสินค้าในตลาดที่อยู่ระหว่างการขอปรับขึ้นราคาว่า มีการกักตุน เพื่อฉวยโอกาสขายในราคาใหม่หรือไม่ ไม่เชื่อว่าผู้ประกอบการจะกักตุนน้ำมันปาล์มบรรจุขวด แต่จะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบอย่างเข้มงวด ส่วนผลิตภัณฑ์นมที่มีแนวโน้มปรับขึ้นราคาคงไม่มีปัญหาการดูแล การกักตุน หรือปฏิเสธการขาย เพราะอยู่ในบัญชีสินค้าควบคุม และเร็วๆ นี้ ก็จะเพิ่มกลุ่มนมเปรี้ยวเข้ามาอยู่ในบัญชีสินค้าควบคุมอีกรายการ เพราะราคาเปลี่ยนแปลงค่อนข้างบ่อย สำหรับราคาก๊าซหุงต้มที่กระทรวงพลังงานเตรียมปล่อยลอยตัวนั้น กรมการค้าภายในได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้เข้มงวด และเพิ่มความถี่ในออกตรวจสอบมากขึ้น ซึ่งยังไม่ได้รับรายงานเรื่องการกักตุนสินค้า แต่พบเห็นพฤติกรรมการขายเกินราคาบ้างแล้ว และกำลังประสานกับศูนย์อาหารในห้างค้าปลีกต่างๆ ให้กำชับ และดูแลไม่ให้ผู้ประกอบการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาอาหารปรุงสำเร็จ และส่งเจ้าหน้าที่ตักเตือนร้านค้าแผงลอยต่างๆ ด้วย เพราะหากปรับราคาก๊าซหุงต้มอีกกิโลกรัมละ 1 บาท จะกระทบต่อต้นทุนผลิตอาหาร 3-4 สตางค์ จึงไม่มีเหตุผลที่จะปรับราคาจานละ 5-10 บาท
| | |