ข้าวยากน้ำมันแพง
|
|
|
|
ข้าวยากน้ำมันแพง |
ใครจะคิดว่า "วันนี้"(พ.ศ.2551) เราจะต้องเติมน้ำมันในราคาลิตรละ 35 บาทและมีแนวโน้มที่จะแตะไปที่ 40 บาทแน่นอน ขณะเดียวกันใครจะคิดเช่นกันว่า "วันนี้" เราจะต้องซื้อข้าวหอมมะลิในราคากิโลกรัมละ 40 บาท ทั้งๆ ที่2 เดือนที่แล้ว เพิ่งจะซื้อที่กิโลกรัมละ 25 บาท
น้องที่ออฟฟิศผู้ชายรายหนึ่งบ่นกับเพื่อนลอยมาเข้าหูผมครับว่า "เรียนกลับจากอเมริกาปี 2543 จำได้แม่น เติมน้ำมันลิตรละ 14 บาท แล้วน้ำมันขึ้นราคามาแตะที่ 17 บาท คนบ่นกันทั่วบ้านทั่วเมือง เป็นเรื่องวิจารณ์กันใหญ่โตว่าจะขึ้นถึง 20 บาท แค่ 8 ปีราคาน้ำมันจะแตะที่ 40 บาท ขึ้นมาเป็นทวีคูณ ขณะที่เงินเดือนแรกที่รับ กับเงินเดือนวันนี้แตกต่างกันเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์"
น้องผู้หญิงรายหนึ่งเสริมว่า "พี่ยังดีที่มีบ้านในกรุงเทพฯ หนูต้องเช่าบ้าน ต้องซื้อข้าวกินทุกมื้อ ข้าวแกงข้างออฟฟิศวันนี้กลายเป็น 40 บาท ส่วนข้าวแกงปากซอยบ้านหนูจากถุงละ 25 บาทกลายเป็น 30 บาท ข้าวเปล่าจาก 5 บาท กลายเป็น 10 บาท ไหนจะค่ารถเมล์ที่ขึ้นไปแล้วไม่รู้กี่รอบ"
น้องผู้หญิงรายหนึ่งเสริมขึ้นมาว่า "เราคุยกับที่บ้านอยู่ว่า หากข้าวของยังแพงเช่นนี้ ปีหน้าคงกลับไปหางานทำแถวบ้านที่ต่างจังหวัด เพราะบวกลบคูณหารแล้ว เงินเดือนที่ต่างจังหวัดถึงแม้น้อยกว่า แต่เงินเดือนยังมีเหลือ เพราะบ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ ค่าเดินทางไม่มีมากมาย ทุกวันนี้ทำงานไม่มีเงินเก็บ ใช้เดือนชนเดือน แถมบางเดือนยังเป็นหนี้บัตรเครดิต"
น้องผู้ชายที่เป็นคนเปิดประเด็นสำทับอีกว่า "ตอนอยู่อเมริกา อยู่ที่เมืองนิวยอร์กที่เป็นเมืองที่ถือว่าค่าครองชีพแพงที่สุดเมืองหนึ่ง เขายังอยู่ได้เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ เพราะของจะแพงเฉพาะของที่ฟุ่มเฟือย เช่นไปทานข้าวนอกบ้านแพงมาก ตกจานละอย่างต่ำ 6 เหรียญบวกภาษีอีก แต่ถ้าซื้อของทำเอง 10 เหรียญทานได้เป็นอาทิตย์ ไข่ไก่คุณภาพพอประมาณโหลละ 1 เหรียญอย่างมากไม่เกิน 2 เหรียญ หมูปาวด์ละ 2 เหรียญ "
น้าที่ผ่านโลกมามากกว่าคนอื่นเดินเข้ามาปิดวงสนทนาว่า "นี่เป็นกฎแห่งธรรมชาติ ทุกสิ่งไม่แน่นอน ดังนั้นสิ่งที่เราไม่เคยคิด ย่อมมีทางเกิดขึ้นได้เสมอ เคยได้ยินปู่ย่าตายายพูดให้ฟังหรือเปล่าว่า สมัยก่อนทองบาทละ 400 บาท ตอนนี้ยังกลายเป็น 15,000 บาท ขึ้นไปไม่รู้กี่เท่าตัว"
ผมแอบเสริมในใจ หลังจากแอบฟังบทสนทนานี้มาจนจบครับว่า "กฎแห่งธรรมชาติหรือกฎแห่งมนุษย์บนโลกทุนนิยม ที่มนุษย์เป็นผู้กำหนดทุกอย่างโดยเฉพาะมนุษย์ที่มีอำนาจมากที่สุด"
ผมไม่เชื่อครับว่า ราคาข้าวสารบ้านเราวันนี้เป็นราคาจริงตามกลไกการตลาด เช่นเดียวกับราคาน้ำมันโลกวันนี้เป็นราคาจริงตามกลไกการตลาด แต่ผมเชื่อครับว่าราคาข้าวสารบ้านเราและราคาน้ำมันโลกวันนี้เป็นราคาที่ใครบางคนที่มีอำนาจกำหนดให้เป็น
หากราคาไม่เป็นไปตามกลไกตลาด แต่กลับเป็นไปตามอำนาจของใครบางคนที่อยู่เหนือกลไกตลาด เป็นความจริงไปได้ครับอย่างที่พูดกันว่า ปีนี้ราคาน้ำมันจะแตะไปถึงลิตรละ 50 บาท และข้าวแกงข้างถนนในราคา 20 บาท กลายเป็นเพียงความทรงจำที่นำมาเล่าสู่กันฟัง
ราคาน้ำมันโลกเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับผมครับที่จะวิพากษ์วิจารณ์ เพราะมีอะไรที่ซับซ้อนกับการต่อรองทางการเมืองในระดับโลกระหว่างประเทศมหาอำนาจที่เป็นเจ้าโลก มันมีอะไรมากกว่านั้นที่ซ่อนอยู่ในราคาน้ำมันที่แพง
แต่ราคาข้าวสารบ้านเราที่แพงวันนี้ สำหรับผมมันไม่มีอะไรมากกว่านั้นที่ซ่อนอยู่ในราคาข้าวสารที่แพง นอกจาก "ความโลภที่ไร้คุณธรรม" ของคนที่มีอำนาจอยู่ในมือครับ
ข้าวสารที่แพงในวันนี้ไม่ได้เป็นไปตามกลไกตลาดอย่างแท้จริง ข้าวขาดแคลนจากตลาดจริงหรือ ข้าวราคาแพงมูลค่าที่เพิ่มขึ้นมาตกอยู่ในกระเป๋าใคร
ผมว่าเรื่องนี้อยู่ที่ "คุณธรรม" ของคนทำการค้าครับ เพราะต้องตระหนักให้หนักครับว่า ของบางอย่างแพงเกินความเป็นจริงได้ หากของเหล่านั้นเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่ไม่ต้องเสพก็ได้ แต่ข้าวเป็นของสามัญที่คนไทยทุกคนต้องกิน ไม่ว่ายากดีมีจน
แน่นอนครับว่า คนมีเงินมากเดือดร้อนกับข้าวราคาแพง แต่เขาอยู่ได้ แต่คนมีเงินน้อยเขาจะอยู่อย่างไร เมื่อชีวิตเขาที่ผ่านมาพึ่งข้าวให้หนักท้อง ส่วนกับข้าวเป็นเพียงของข้างเคียงเพิ่มรสชาติมื้อต่อมื้อเท่านั้น
หยุดเถอะครับ!!
| | | | |