เรียน ท่านสมาชิกศูนย์ปรึกษาการประหยัดพลังงาน หอการค้าไทย
ผมขอนำส่งข่าวด้านพลังงาน ประจำวันพุธที่ 6 สิงหาคม 2551 ครับ
ESCC Energy Today August 6 th, 2008
ประเด็นข่าว
1. มีข่าวดีราคาน้ำมันเตรียมลดลงอีก 7 ส.ค.นี้
2. เบนซินลด50สต.-ดีเซลลด1บ.
3. น้ำมันไนเม็กซ์ปิด119.17$
4. โครงการ Biogas ฉลุย สนพ. MOU ผู้ประกอบการ 10 ราย เดินหน้าเทคโนโลยีก๊าซชีวภาพ
5. ชาติอาเซียนจับมือบรรเทาวิกฤติน้ำมันแพง
6. ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: ราคาน้ำมันดิบปิดร่วง $3.69 จากข่าวพายุ"เอดูอาร์ด"ไม่กระทบแหล่งผลิตน้ำมัน
7. จีนให้กู้1.3หมื่นล้านกรุยทางเมกะโปรเจกต์
8. พิษซับไพรม์-น้ำมัน ทำ IRPC ชะลอแผน-ปรับปรุงโรงกลั่น
9. ประเสริฐติดโผถือETFพลังงาน3%
10. 1 ก.ย.ค่าทางด่วน45บ.ลุ้นค่าแวตอีก3บ.
11. น้ำมันโลกดิ่งลงแตะ118ดอลลาร์ นักวิเคราะห์ชี้ทิศทางอาจถึง$100
12. คาดความต้องการพลังงานชาติอาเซียนเพิ่ม 3 เท่าใน 30 ปีข้างหน้า
ข่าวประชาสัมพันธ์
- กระทรวงพลังงานเปิดอบรมหลักสูต ไบโอดีเซลเขย่ามือปลายสิงหาคมนี้ สนใจสมัครด่วน
- ฟิลิปส์ เดินเครื่องโครงการ ฟิลิปส์รวมพลังประหยัดไฟ ให้ชุมชนไทยส่องสว่าง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ข่าวพลังงาน
1. มีข่าวดีราคาน้ำมันเตรียมลดลงอีก 7 ส.ค.นี้
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม กล่าวว่า หากราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์ ที่จะปิดตลาดในค่ำวันนี้ลดลงตามราคาน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลง 3.69 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล มีโอกาสเป็นไปได้ที่วันนี้ (6 ส.ค.) บางจากฯ จะประกาศปรับลดราคาน้ำมันให้มีผลในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ โดยคาดว่า จะประกาศปรับลดราคาน้ำมันทุกผลิตภัณฑ์ 60-80 สตางค์/ลิตร โดยราคาน้ำมันในไตรมาส 3 ที่ลดลง ถือเป็นปกติเพราะเป็นช่วงของการลดลงตามฤดูกาลที่คนใช้น้อยลง ขณะที่ผู้ผลิตน้ำมันในกลุ่มโอเปกมีการผลิตเกินโควตา แต่ก็คาดว่าราคาจะไม่ร่วงลงต่ำกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และทิศทางในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว ความต้องการน้ำมันเพื่อทำความอบอุ่นก็จะเพิ่มขึ้นและฉุดให้ราคาน้ำมันดีดตัวสูงขึ้นอีก
ด้านนายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า กระทรวงพลังงานไม่มีนโยบายจะเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นอีก เพื่อทำให้เงินกองทุนฯ มีสภาพคล่องสูงขึ้น แม้ราคาน้ำมันขายปลีกจะมีทิศทางลดลงก็ตาม
ส่วน บมจ.ไทยออยล์ รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ปรับตัวลดลง 3.69 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล มาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนที่ 121.41 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และในการซื้อขายระหว่างวันราคาน้ำมันเคลื่อนไหวต่ำสุดในรอบ 3 เดือน อยู่ในช่วง 119.50 126.35 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เป็นผลมาจาก การผลิตน้ำมันดิบของโอเปกในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ปรับเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยปรับขึ้น 250,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 32.58 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากซาอุดีอาระเบียปรับเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อตอบสนองการเรียกร้องของชาติตะวันตก ขณะเดียวกันการผลิตน้ำมันดิบในไนจีเรียได้ปรับเพิ่มขึ้น หลังจากที่เหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศจากกลุ่มก่อการร้าย ส่งผลต่อการผลิตน้ำมันดิบของไนจีเรียให้ปรับ ลดลงในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ตลาดยังกังวลเกี่ยวกับความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐที่ชะลอตัวลง หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ของ สหรัฐประกาศอัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภค ในเดือน มิ.ย.ที่ปรับเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 0.8 ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มสูงสุดในรอบ 3 ปี ขณะที่รายได้ของผู้บริโภคในสหรัฐ ปรับเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 16 เดือน ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาดลอนดอน ปรับลดลง 4.07 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ปิดที่ 120.14 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบที่ตลาดสิงคโปร์ ปรับเพิ่มขึ้น 2.02 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ปิดที่ 122.34 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ตามราคาน้ำมันดิบ WTI ส่วนน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้น 1.92 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ปิดที่ 123.14 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้น 0.39 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ปิดที่ 146.03 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ.
2. เบนซินลด50สต.-ดีเซลลด1บ.
บางจาก-เชลล์ นำร่องลดเบนซิน 50 สตางค์-ดีเซล 1 บาท มีผลตี5วันนี้ (6สิงหาคม)
ผู้ค้าน้ำมันจากบริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) และบริษัท เชลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินลง 50 สตางค์ และดีเซล 1บาท มีผลตั้งแต่เวลา 05.00น.ของวันนี้(6สิงหาคม)
ทั้งนี้ สาเหตุเนื่องจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดกลางสิงคโปร์ ที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด แตะที่ระดับ 120.74 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกหน้าปั๊ม ของวันพรุ่งนี้ เป็นดังนี้
เบนซินออกเทน 91 อยู่ที่ลิตรละ 37.49 บาทแก็สโซฮอล 95 (E10) อยู่ที่ลิตรละ 29.99 บาทแก็สโซฮอล 91 (E10) อยู่ที่ลิตรละ 29.19 บาทดีเซล อยู่ที่ลิตรละ 35.84 บาทดีเซล บี5 อยู่ที่ลิตรละ 35.14 บาท
3. น้ำมันไนเม็กซ์ปิด119.17$
นักลงทุนสหรัฐแสดงความวิตกเศรษฐกิจซบเซา ฉุดราคาน้ำมันดิบร่วงปิดที่ 119.17ดอลลาร์
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 2.24 ดอลลาร์ ปิดที่ 119.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.เป็นต้นมา หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 121.00-118.80 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 6.81 เซนต์ ปิดที่ 3.2820 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 4.38 เซนต์ ปิดที่ 2.9564 ดอลลาร์/แกลลอน ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 2.98 ดอลลาร์ ปิดที่ 117.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงต่ำกว่าระดับ 120 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) โดยในระหว่างวันราคาดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 118 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวลงและราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น จะส่งผลให้ความต้องการพลังงานลดน้อยลงด้วย
4. โครงการ Biogas ฉลุย สนพ. MOU ผู้ประกอบการ 10 ราย เดินหน้าเทคโนโลยีก๊าซชีวภาพ
สำนักงานนโยบายและแผน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน เผยความคืบหน้าการดำเนินโครงการส่งเสริมเทคโนโลยีก๊าซชีวภาพ สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม โดยล่าสุดได้ลงนามสัญญารับเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานแล้ว 10 ราย จากผู้ประกอบการที่และผ่านเกณฑ์การพิจารณาตามเอกสารประกาศเชิญชวน ในรอบแรกจำนวน 32 ราย แบ่งออกเป็น 5 ประเภทอุตสาหกรรม ดังนี้ อุตสาหกรรม แป้งมันสำปะหลัง 9 รายอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม 13 ราย โรงงานเอทานอล 6 ราย โรงงานน้ำยางข้น 1 ราย และอุตสาหกรรมอาหาร 3 ราย
โดยกองทุนฯ จะให้เงินสนับสนุนแก่โรงงานฯ ที่เข้าร่วมโครงการฯ เป็นจำนวนสูงถึงร้อยละ 20 ของวงเงินลงทุนก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพ รวมเป็นเงินสนับสนุนมูลค่า 316 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลิตก๊าซชีวภาพได้รวม 254 ล้านลบ.ม./ปี คิดเป็นมูลค่าการทดแทนพลังงานรวม 1,306 ล้านบาท/ปี
สำหรับผู้ประกอบการ 10 ราย ที่ได้ลงนามสัญญารับเงินสนับสนุนจากกองทุนฯ ประกอบด้วย บริษัท พิทักษ์ปาล์ม ออยล์ จำกัด บริษัท ตรังน้ำมันปาล์ม จำกัด บริษัท จันทบุรี สตาร์ช เพาว์เวอร์ จำกัด บริษัท มามา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) สาขาปลายพระยา บริษัท ทรัพย์ทิพย์ จำกัด บริษัท รวมอาหาร จำกัด บริษัท ทีเอสเอ็ม ไบโอ เอนเนอร์ยี จำกัด บริษัท ซีพีเอฟ ผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด
5. ชาติอาเซียนจับมือบรรเทาวิกฤติน้ำมันแพง
นายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 26 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-8 สิงหาคม 2551 ว่า การประชุมครั้งนี้จะมีการนำเสนอยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาวิกฤติพลังงาน ซึ่งประเทศสมาชิกอาเซียนจะร่วมระดมสมอง เพื่อหาทางบรรเทาวิกฤติราคาพลังงาน และผลักดันศักยภาพด้านพลังงานที่แต่ละชาติมีอยู่อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะพลังงานทดแทน การเชื่อมโยงแหล่งพลังงานในภูมิภาค
วันนี้เป็นการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส โดยประเทศไทยจะมีการผลักดันเรื่องพลังงานทดแทนให้เป็นวาระแห่งอาเซียน ส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเร่งผลักดันให้ประเทศในกลุ่มอาเซียนสามารถเชื่อมโยงแหล่งพลังงานในภูมิภาค ผ่านระบบสายส่งไฟฟ้า และท่อก๊าซธรรมชาติ
ทั้งนี้ ที่ประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ได้มีการคัดเลือกประธานการประชุมคนใหม่แทนสิงค์โปร์ ที่หมดวาระลง โดยนายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน ได้รับเลือกให้เป็นประธานการประชุม และมีสหภาพพม่า เป็นรองประธานการประชุม เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคมนี้
6. ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: ราคาน้ำมันดิบปิดร่วง $3.69 จากข่าวพายุ"เอดูอาร์ด"ไม่กระทบแหล่งผลิตน้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) โดยในระหว่างวัน ราคาได้ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 120 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่าพายุโซนร้อน"เอดูอาร์ด"ไม่มีแนวโน้มที่จะสร้างความเสียหายต่อแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าสในอ่าวเม็กซิโก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 3.69 ดอลลาร์ หรือ 2.9% แตะระดับ 121.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนส.ค.ปรับตัวลง 8.67 เซนต์ แตะระดับ 3.3501 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนส.ค.รูดลง 8.41 เซนต์ ปิดที่ 3.0002 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 3.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 120.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
พายุโซนร้อนเอดูอาร์ดก่อตัวขึ้นเหนืออ่าวเม็กซิโก และคาดว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นเป็นเฮอริเคนขณะเคลื่อนตัวเข้าสู่เมืองกัลเวสตัน รัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นท่าขนถ่ายน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ โดยศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐกำลังเฝ้าระวังพื้นที่บางส่วนของรัฐหลุยเซียน่าและเท็กซัสเนื่องจากอาจถูกเฮอริเคนพัดกระหน่ำ
พายุโซนร้อนเอดูอาร์ดมีความเร็วลมสูงสุดที่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ณ เวลาประมาณ 4.00 น.วานนี้ (ตามเวลาเมืองฮุสตัน) และพัดขึ้นฝั่งใกล้กับเมืองกัลเวสตันในช่วงเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตาม ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐประเมินว่าพายุโซนร้อนเอดูอาร์ดจะไม่สร้างความเสียหายต่อแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในอ่าวเม็กซิโก
ทอม โคลซา นักวิเคราะห์จากบริษัท ออยล์ ไพรซ์ อินฟอร์เมชัน เซอร์วิส ในรัฐนิวเจอร์ซี กล่าวว่า ในระหว่างวันนั้น ราคาน้ำมันดิบดิ่งลงไปกว่า 5 ดอลลาร์ ซึ่งฉุดราคาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆร่วงลงด้วย อาทิ ข้าวโพดและทองแดง โดยปัจจัยสำคัญที่ถ่วงราคาน้ำมันร่วงลงมาจากรายงานที่ว่าพายุโซนร้อนเอดูอาร์ดจะไม่กระทบแท่นขุดเจาะพลังงานในอ่าวเม็กซิโก
ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งที่ฉุดราคาน้ำมันร่วงลงมากจากรายงานที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นผลจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากซาอุดิอาระเบีย ในขณะที่ประเทศอื่นๆผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคประจำเดือนมิ.ย.ร่วงลง 0.8% ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันเบนซินภายในประเทศที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ซึ่งการลดลงของตัวเลขดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่า ภาวะตกต่ำในตลาดที่อยู่อาศัยและราคาน้ำมันเบนซินภายในประเทศที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง กำลังบั่นทอนอำนาจซื้อของผู้บริโภคและฉุดรั้งเศรษฐกิจให้ถดถอยลงด้วย
นักลงทุนส่วนใหญ่จับตาดูสถานการณ์นิวเคลียร์อิหร่าน หลังจากนายมาห์มุด อาห์มาดิเนจ๊าด ประธานาธิบดีอิหร่าน ยืนยันว่าจะไม่ล้มเลิกโครงการนิวเคลียร์แม้ถูกกดดันจากชาติมหาอำนาจและอาจเสี่ยงต่อการถูกคว่ำบาตรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ นอกจากนี้ ประธานาธิบดีอิหร่านยังประณามประเทศมหาอำนาจของโลกที่ขยายคลังสรรพาวุธของตนเอง แต่กลับพยายามทำลายโครงการนิวเคลียร์เพื่อสันติของอิหร่าน
กระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันในคืนวันพุธ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล
7. จีนให้กู้1.3หมื่นล้านกรุยทางเมกะโปรเจกต์
รัฐบาลจีนพร้อมปล่อยกู้ 1.3 หมื่นล้านบาทพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สนลงทุนเมกะโปรเจกต์
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบผลการเจรจาระหว่างนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และนายเวินเจียเป่า ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีนเมื่อเร็วๆ นี้ว่า จีนได้อนุมัติเงินกู้ ให้จำนวน 400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.34 หมื่นล้านบาท โดยเป็นเงินกู้เพื่อสนับสนุนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และเร่ง ให้ไทยเสนอโครงการที่เป็นรูปธรรม เข้ามาเพื่อเบิกจ่ายเงิน
นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังพร้อมให้ความช่วยเหลือโครงการอัน เนื่องมาจากพระราชดำริ มูลค่า 8 ล้านหยวน โดยจีนได้จัดส่งคณะ ผู้เชี่ยวชาญไปหารือกับหน่วยงานของไทยที่เกี่ยวข้อง
แหล่งข่าวระบุว่า ผู้นำทั้งสองประเทศยังมีการหารือความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า โดยตั้งเป้าการค้าระหว่างสองประเทศจะมี สูงถึง 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.67 ล้านล้านบาท และการลงทุนระหว่างกันทะลุหลัก 6,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2.17 แสนล้านบาท ในปี 2553
ประธานาธิบดีจีนแนะให้ใช้กลไกที่มีอยู่ อาทิ คณะกรรมการร่วมไทย-จีน เพื่อผลักดันการค้าและการลงทุนให้มากขึ้น โดยจีนจะส่งเสริมนักธุรกิจจีนที่มีศักยภาพไปลงทุน ในไทย โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้ามหานครและเมกะโปรเจกต์อื่นๆ แหล่งข่าวระบุ
สำหรับนายกรัฐมนตรีของไทย ก็ระบุว่า พร้อมพิจารณาการลงทุนจากจีนโดยอยากให้บริษัทขนาดใหญ่ของจีนไปร่วมทุนกับบริษัทไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะการพัฒนาระบบราง ซึ่งจีนมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้มาก โดยสามารถสร้างทางรถไฟขึ้นไปยังทิเบต, รถไฟฟ้าลอดอุโมงค์แม่น้ำหวงผู่ ที่นครเซี่ยงไฮ้ และระบบรถไฟแม่เหล็กไฟฟ้าความเร็วสูง
นอกจากนั้น ไทยยังต้องการให้เอกชนจีนซึ่งมีเทคโนโลยีสูง ช่วยเหลือเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร
8. พิษซับไพรม์-น้ำมัน ทำ IRPC ชะลอแผน-ปรับปรุงโรงกลั่น
ไออาร์พีซี ชะลอโครงการลงทุนปรับปรุงโรงกลั่น long residue มูลค่า 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หวั่นปัญหาซับไพรม์กระทบเงินกู้ และราคาน้ำมัน ขณะที่การส่งออกน้ำมันดีเซลซัลเฟอร์สูงไปเขมรยังคล่อง แต่หวั่นข้อพิพาทเขาพระวิหารทำชะงัก
นายปิติ ยิ้มประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้ชะลอโครงการลงทุนปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันที่จะนำน้ำมันหนัก long residue มาปรับปรุงคุณภาพที่จะต้องลงทุนเพิ่มอีก 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ออกไปก่อน จากเดิมที่จะมีการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารบริษัท เพื่อขอความเห็นชอบการลงทุนใน 1-2 เดือนข้างหน้านี้ เพราะบริษัทต้องทบทวนแหล่งเงินลงทุน เนื่องจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพร์ม) ของสหรัฐฯ ทำให้การหาเงินกู้ลำบาก และภาวะราคาน้ำมันยังคงผันผวน โดยหากราคาน้ำมันดิบต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ก็อาจจะไม่คุ้มการลงทุน
อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ดี มีการคืนทุนได้เพียง 4-5 ปี เพราะทำให้การกลั่นน้ำมันเต็มที่ 260,000 บาร์เรล/วัน และนำ long residue ซึ่งเป็นน้ำมันหนักที่ขายราคาถูก มาผลิตเป็นน้ำมันใสที่มีราคาสูงกว่า รวมทั้งได้แนฟธา ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น 7 แสนตันกว่าตัน/ปี
ตามแผนลงทุนที่ได้รับการอนุมัติเม็ดเงินปรับปรุงกำลังผลิต 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ โดยในปี 2551 จะต้องใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเป็นส่วนของการสร้างโรงไฟฟ้า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ในช่วงที่ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นมาอยู่ในระดับ 120-140 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อการบริหารกระแสเงินสดในบริษัท เพราะมีภาระในการสต๊อกน้ำมันดิบและสินค้าเพิ่มขึ้นมาเป็นวงเงินสูงถึงมาก เช่น กรณีน้ำมันดิบที่สต๊อก ร้อยละ 5 หรือ 2.6 ล้านบาร์เรล วงเงินสต็อกต้องเพิ่มขึ้นจาก 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มาเป็น 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นายสุพล ทับทิมจรูญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบริหารและแผนธุรกิจ บมจ.ไออาร์พีซี กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซ เป็นเชื้อเพลิงขนาด 200 เมกะวัตต์ว่า ขณะนี้บริษัทเตรียมยื่นข้อมูลเพิ่มเติมให้อีไอเอเพื่ออนุมัติโครงการ ขณะเดียวกัน ก็ได้มีการประกวดราคาก่อสร้างแล้ว รอเพียงการอนุมัติอีไอเอเท่านั้น ก็จะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้เลย
โครงการดังกล่าวจะช่วยลดมลภาวะจากเดิมที่บริษัทนำน้ำมันเตามาใช้เป็นเชื้อเพลิงในหม้อต้มเพื่อนำไอน้ำไปใช้ในการบวนการผลิต และยังลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าตกหรือดับของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ด้วย
จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลงในช่วงนี้ ทำให้ราคาเม็ดพลาสติกปรับตัวลดลงตามแต่ไม่รุนแรงมากนัก โดยราคาเม็ดพลาสติกHDPE อยู่ที่ 1,650 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน และ PP 1,700 เหรียญสหรัฐฯ จากเดิมที่เคยพุ่งไปถึง 1,700 กว่าเหรียญสหรัฐฯ/ตัน
ส่วนปัญหาข้อพิพาทประเด็นประสาทเขาพระวิหารระหว่างไทยกับกัมพูชานั้น นายสุพล กล่าวว่าขณะนี้บริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว โดยยังส่งออกน้ำมันดีเซลซัลเฟอร์สูง น้ำมันเตาและน้ำมันหล่อลื่นไปยังเขมรได้อยู่ แต่หากยืดเยื้อออกไปก็ไม่แน่ใจว่าจะกระทบหรือไม่ ทั้งนี้ บริษัทส่งออกน้ำมันดังกล่าวปีละ 600-700 ล้านบาท
นายปิติ กล่าวอีกว่า ไออาร์พีซี ไม่มีแผนที่จะซื้อหุ้นคืนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แต่อย่างใดแม้หุ้นจะมีราคาต่ำ เพราะจากที่มีการศึกษา พบว่า ไม่มีประโยชน์ แต่บริษัทเน้นที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตทั้งระบบ และปัญหาเรื่องพนักงาน ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำโครงการร่วมใจจาก ปรากฏว่า สามารถลดพนักงานจาก 8,000 คน เหลือประมาณกว่า 5,000 คน
9. ประเสริฐติดโผถือETFพลังงาน3%
เปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น ETF พลังงาน บิ๊ก ปตท.ลงทุนเฉียด 10 ล้านบาท ถือ 3.24% บล.ภัทร-ทิสโก้ร่วมวงด้วย เทรด 7 ส.ค.นี้
คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ได้สั่งให้รับหน่วยลงทุนของกองทุนเปิด Mtrack Energy ETF หรือ อีทีเอฟ พลังงาน จำนวน 729.92 ล้านหน่วย มูลค่าที่ตราไว้หน่วยละ 4.11 บาท มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท ให้เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. 2551 เป็นต้นไป และใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า ENGY
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ของกองทุน ETF พลังงาน ณ วันที่ 28 ก.ค. 2551 ปรากฏว่า บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร ถือสูงสุดจำนวน 17.16 ล้านหน่วย หรือ 22.89% ตามด้วยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถือ 7.29 ล้านหน่วย หรือ 9.72% อันดับ 3 นางชูศรี เนื่องจำนงค์ ถือจำนวน 2.99 ล้านหน่วย หรือ 3.99% 4.นางสุรีรัตน์ ประจักษ์ธรรม ถือ 2.55 ล้านหน่วย หรือ 3.40% 5.นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ถือ 2.43 ล้านหน่วย หรือ 3.24% 6.บริษัท ประกันภัย ไทยวิวัฒน์ ถือ 2.43 ล้านหน่วย หรือ 3.24% และ 7.บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ ถือ 1.20 ล้านหน่วย หรือ 1.60%
สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุนนี้ ในช่วงแรกจะลงทุนในหุ้น 10 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท ปตท. (PTT) บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บริษัท บ้านปู (BANPU) บริษัท ไทยออยล์ (TOP) บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR)
บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) บริษัท โกลว์ พลังงาน (GLOW) บริษัท ผลิตไฟฟ้า (EGCO) และบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO)
ด้านราคาหุ้นพลังงานวานนี้ ส่วนใหญ่ปรับตัวลง โดย PTT ปิดที่ 236 บาท ลดลง 4.07% BANPU ทรุด 9.13% ปิดที่ 378 บาท
10. 1 ก.ย.ค่าทางด่วน45บ.ลุ้นค่าแวตอีก3บ.
คมนาคมชี้ชัด 1 ก.ย. ขึ้นแน่ค่าทางด่วนตามสัญญา ส่วนภาระแวตอีก 3 บาท คาดผลักให้ผู้ใช้ทางจ่ายด้วย
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า การพิจารณาปรับขึ้นค่าผ่านทางของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ขณะนี้ กทพ.ยังไม่ได้ยื่นหนังสือ ขอปรับขึ้นค่าผ่านทางมายังกระทรวงคมนาคม แต่โดยเงื่อนไขสัมปทานระหว่างกทพ. และ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ หรือบีอีซีแอล ซึ่งกำหนดให้ปรับขึ้นค่าผ่านทางทุก 5 ปี ต้องให้ปรับขึ้นราคาตามมติคณะกรรมการ กทพ. คือ ระบบทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 รถยนต์ 4 ล้อ เก็บ 45 บาท จากปัจจุบัน 40 บาท รถยนต์ 6-10 ล้อ เก็บ 70 บาท จาก 60 บาท และรถยนต์ตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไปเก็บ 100 บาท จาก 85 บาท มีผลวันที่ 1 ก.ย. 2551
สำหรับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จะให้ประชาชน หรือ กทพ.รับผิดชอบนั้น ตามกฎหมายแวต กำหนดให้ผู้บริโภคต้องเป็นผู้รับภาระ แต่ที่ผ่านมานโยบายรัฐบาลได้ให้ กทพ.เป็น ผู้รับผิดชอบ ซึ่งการพิจารณาครั้งนี้ จะดูกระแสเงินสดของ กทพ.ว่า รับภาระต่อไปได้อีกหรือไม่ และดูว่า ประชาชนรับภาระได้หรือไม่ โดยจะเรียก กทพ.มาหารืออีกครั้ง หลังได้รับหนังสือการขอปรับ ค่าผ่านทางอย่างเป็นทางการแล้ว
ทั้งนี้ หากได้ข้อสรุปเรื่องแวตแล้ว กระทรวงคมนาคมจะเสนอให้ ครม. พิจารณาต่อไป ขณะที่การพิจารณาขึ้น ค่าผ่านทางสายบางนาตราดชลบุรี ซึ่งกทพ.ดูแลหน่วยงานเดียว ยังไม่สามารถระบุได้ ต้องหารือกับ กทพ.
รายงานข่าวแจ้งว่า ปัจจุบัน กทพ.เป็นผู้รับภาระค่าแวต แทนผู้ใช้ทางเฉลี่ยปีละ 700-800 ล้านบาท ทำให้มีภาระหนี้สินสะสมถึง 9.9 หมื่นล้านบาท และหากได้รับอนุมัติให้เก็บค่าแวตได้ จะส่งผลให้อัตรา ค่าผ่านทางระบบทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 สำหรับรถยนต์ 4 ล้อ เพิ่มเป็น 48 บาท รถยนต์ 6-10 ล้อ เพิ่มเป็น 74 บาท และรถยนต์ 10 ล้อขึ้นไปเพิ่มเป็น 107 บาท
นอกจากนี้ หากคมนาคมอนุมัติให้ ทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ ก็จะต้องปรับอัตราค่าผ่านทางโครงการทางพิเศษอุดรรัถยาหรือบางปะอิน-ปากเกร็ด ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ตามมติบอร์ด กทพ.เช่นกัน โดยช่วงแจ้งวัฒนะ-เชียงราก สำหรับรถยนต์ 4 ล้อ เก็บเพิ่มเป็น 45 บาท จาก 40 บาท
11. น้ำมันโลกดิ่งลงแตะ118ดอลลาร์ นักวิเคราะห์ชี้ทิศทางอาจถึง$100
เอเจนซี - ราคาน้ำมันหล่นทะลุระดับจิตวิทยา 120 ดอลลาร์ และยังไหลรูดต่อจนแตะ 118 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลแล้วเมื่อวันอังคาร (5) อันเป็นระดับต่ำสุดในรอบสามเดือน เพราะนักลงทุนให้ความสนใจกับปริมาณน้ำมันของกลุ่มโอเปคที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งความต้องการใช้ที่ลดลงทั้งในสหรัฐฯและยุโรป
ปัจจัยทั้งสองประการทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก กำลังลดลงมาอย่างต่อเนื่อง จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 147.27 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา และแม้ช่วงไม่กี่วันนี้ จะมีข่าวเรื่องพายุเอดูอาร์ดในอ่าวเม็กซิโกที่อาจส่งผลต่อกำลังการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ตลอดจนความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่านในเรื่องโครงการนิวเคลียร์ก็ตาม สภาพเช่นนี้ทำให้นักวิเคราะห์บางรายกล่าวว่า ระลอกการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน ได้มาถึงจุดจบของมันแล้ว
"ตอนนี้พวกเฮดจ์ฟันด์ส่วนใหญ่ก็เทขายทำกำไรกันทั้งนั้น" แองกัส แมคฟาอิล แห่งอะลายแอนซ์ ทรัสต์ บริษัทลงทุนในอังกฤษกล่าว
เขาเห็นว่าราคาน้ำมันอาจจะร่วงลงไปถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐฯในเดือนหน้า หากว่ายังมีข้อมูลเรื่องความต้องการใช้ที่ลดลง ทะยอยออกมาอีกเรื่อยๆ
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของสหรัฐฯ ได้ลดลง 3.69 ดอลลาร์ ปิดตลาดเมื่อคืนวันจันทร์(4)ที่ 121.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยการซื้อขายช่วงหนึ่งดิ่งทะลุหลัก 120 ดอลลาร์ ไปจนถึง 119.50 ดอลลาร์ทีเดียว ในขณะที่ราคาปิดของน้ำมันดิบเบรนต์ในลอนดอนก็ร่วงลง 3.50 เหรียญมาอยู่ที่ 120.38 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบาร์เรล
ต่อมาเมื่อวานนี้(5) ณ เวลา 9.30 น.จีเอ็มที (ตรงกับ 16.30 น.เวลาเมืองไทย) ไลต์สวีตครูด ซื้อขายกันผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ลอนดอนด้วยราคา 119.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ถอยลงจากปิดวันจันทร์อีก 2.28 ดอลลาร์ แถมมีช่วงหนึ่งตกลงมาจนถึง 118.00 ดอลลาร์ อันเป็นราคาต่ำสุดนับแต่วันที่ 5 พฤษภาคม ส่วนเบรนต์ก็ลบลงมาเช่นกัน 2.20 ดอลลาร์ อยู่ที่ 118.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แม้ว่าพายุโซนร้อนเอดูอาร์ดจะกระหน่ำอ่าวเม็กซิโก และทำให้การผลิต การขนส่งรวมทั้งการกลั่นน้ำมันได้รับผลกระทบ แต่บรรดานักค้าตราสารน้ำมันก็ไม่คิดว่าพายุจะสร้างความเสียหายให้มากกว่านี้ได้
"ดูเหมือนว่าตลาดจะให้ความสนใจกับเรื่องความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และเรื่องพายุน้อยลงไปมาก และไปทุ่มเทให้กับเรื่องความต้องการที่ลดลง ขณะที่มีปริมาณน้ำมันเพิ่มขึ้นแทน" เอดเวิร์ด ไมร์ นักวิเคราะห์จากเอ็มเอฟ โกลบอลกล่าว
ในขณะเดียวกันการผลิตน้ำมันจากกลุ่มประเทศโอเปกก็เพิ่มขึ้นอีกในเดือนกรกฎาคม ซึ่งนับเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่สามแล้ว เพราะการเพิ่มกำลังการผลิตจากซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก
พวกเทรดเดอร์บอกว่า นักลงทุนยังกำลังรอฟังผลการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ที่จะออกมาในคืนวันอังคาร(5)ว่า จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2.0% ตามเดิมหรือไม่ ตอนนี้ธนาคารกลางสหรัฐฯกำลังอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการควบคุมเงินเฟ้อไปด้วย
12. คาดความต้องการพลังงานชาติอาเซียนเพิ่ม 3 เท่าใน 30 ปีข้างหน้า
ที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสพลังงานอาเซียนเห็นร่วมสตอกน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ร่วมกัน เตรียมเสนอที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนตั้งคณะทำงานศึกษาร่วมรองรับความผันผวนของน้ำมันที่คาดว่าจะเป็นเชื้อเพลิงหลักที่อาเซียนต้องการพลังงานรวม 3 เท่าใน 30 ปีข้างหน้า
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านพลังงานกลุ่มอาเซียน ซึ่งประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (เมติ) ของญี่ปุ่น ในวันที่ 5 ส.ค. ทางญี่ปุ่นได้เสนอผลศึกษาการพยากรณ์ความต้องการใช้พลังงานใน 30 ปีข้างหน้าของชาติเอเชีย พบว่า จะยังเป็นทวีปที่มีใช้พลังงานมากที่สุดในโลก โดยในส่วนของกลุ่มอาเซียน คาดว่า ความต้องการใช้พลังงานจะเติบโตประมาณ 3 เท่าในปัจจุบัน และน้ำมันจะยังเป็นพลังงานหลัก ในขณะที่พลังงานจากน้ำ ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน จะมีบทบาทมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นทรัพยากรที่มีอยู่ในประเทศเหล่านี้ ในขณะที่ พลังงานทดแทน เช่น น้ำมันจากพืชจะมีบทบาทมากขึ้น
นอกจากนี้ ในที่ประชุมเจ้าหน้าที่พลังงานอาเซียนบวกสาม ซึ่งรวมถึงจีน เกาหลีเหนือ และญี่ปุ่น ได้เห็นชอบในหลักการว่า ควรจะมีการตั้งคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญในการศึกษาจัดทำการสตอกน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ร่วมกัน โดยจะเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียนซึ่งจะประชุมในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ให้เห็นชอบ ก่อนจะมีการจัดตั้งคณะทำงานต่อไป ใช้เวลาศึกษาประมาณ 2 ปี ซึ่งแนวทางอาจจะเป็นการจัดตั้งคลังสำรองร่วมกัน หรือใช้รูปแบบการสตอกเชิงพาณิชย์ที่จะมีความร่วมมือเพื่อให้เกิดความมั่นคง อย่างไรก็ตาม รูปแบบการสตอกเช่นนี้จะเป็นรูปแบบที่ประเทศสมาชิกสมัครใจ ที่จะดำเนินการร่วมกัน และจะพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป.
ข่าวประชาสัมพันธ์
กระทรวงพลังงานเปิดอบรมหลักสูต ไบโอดีเซลเขย่ามือปลายสิงหาคมนี้ สนใจสมัครด่วน
กระทรวงพลังงาน เปิดอบรมหลักสูตร ไบโอดีเซลเขย่ามือ หรือการสอนวิธีการผลิตไบโอดีเซลอย่างง่ายด้วยตนเอง โดยหลักสูตรดังกล่าวจะเหมาะกับอาจารย์สายวิทยาศาสตร์ นักเรียน นิสิต นักศึกษา รวมทั้งผู้ที่สนใจทั่วไป ที่ต้องการเรียนรู้วิธีการผลิตไบโอดีเซลอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ สามารถนำน้ำมันพืชใช้แล้วมาผลิตเป็นไบโอดีเซลด้วยตนเอง
รวมทั้งนำความรู้ที่ได้ไปขยายผลต่อเนื่อง เพื่อไปทดลองผลิตและใช้ภายในชุมชน อีกทั้งเป็นการเผยแพร่องค์ความรู้ ให้คณะอาจารย์ได้นำไปพัฒนาเป็นหลักสูตรท้องถิ่น เพื่อสอนให้กับ นักเรียนในช่วงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ช่วงชั้นที่ 3) และมัธยมศึกษาตอนปลาย (ช่วงชั้นที่ 4) ซึ่งจะจัดฝึกอบรมไบโอดีเซลเขย่ามือ พลังงานจากก้นครัว ในระหว่างวันที่ 21-23 , 27-29 สิงหาคม 2551 ณ.สถาบันการประชาสัมพันธ์ตึก 2 ชั้น 2 กระทรวงพลังงาน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รับวันละ 50 ท่านเท่านั้น สนใจสมัครหรือสอบถามรายละเอียด 02-2233344 ต่อ 2415 หรือ 2263
ฟิลิปส์ เดินเครื่องโครงการ ฟิลิปส์รวมพลังประหยัดไฟ ให้ชุมชนไทยส่องสว่าง
ฟิลิปส์ เดินเครื่องโครงการ ฟิลิปส์รวมพลังประหยัดไฟ ให้ชุมชนไทยส่องสว่าง ติดตั้งแสงสว่างประหยัดพลังงาน ณ ลานกีฬาหน้าสน.ดินแดง กรุงเทพมหานคร ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับชุมชน
นายพิชัย ไชยพจน์พานิช รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีรับมอบระบบไฟสำหรับสนามกีฬาประหยัดพลังงาน ณ ลานกีฬาหน้าสน.ดินแดง จากนายประกรณ์ เมฆจำเริญ ซีอีโอและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในโครงการ ฟิลิปส์รวมพลังประหยัดไฟ ให้ชุมชนไทยส่องสว่าง ซึ่งติดตั้งระบบไฟสำหรับสนามกีฬาประหยัดพลังงานมาตรฐานระดับโลกซึ่งประหยัดพลังงานได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ให้กับ ลานกีฬาหน้าสน.ดินแดง กรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งจัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อการประหยัดพลังงาน เพื่อสร้างจิตสำนึกให้ชุมชนและเยาวชนได้ตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และสนับสนุนให้เกิดการเล่นกีฬาอย่างต่อเนื่องแม้เวลากลางคืนอย่างปลอดภัย ซึ่งจะนำไปสู่การมีสุขภาพแข็งแรง ช่วยลดปัญหายาเสพติดและอบายมุขต่างๆ และยังสามารถช่วยสร้างความสัมพันธ์ของชุมชนให้แข็งแกร่งมากขึ้น ส่งเสริมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถพัฒนาชุมชนให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
ภายใต้โครงการ ฟิลิปส์รวมพลังประหยัดไฟ ให้ชุมชนไทยส่องสว่าง นอกจากติดตั้งระบบไฟสนามกีฬาประหยัดพลังงาน ณ ลานกีฬาหน้าสน. ดินแดง ของกรุงเทพมหานคร แล้ว ฟิลิปส์ยังจัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อการประหยัดพลังงานในชุมชนเพื่อแสดงให้เห็นถึงวิธีง่ายๆ ที่ทำให้เกิดการประหยัดพลังงานและทุกคนสามารถทำได้ โดยเชิญชวนพนักงานฟิลิปส์ไปเปลี่ยนหลอดไส้เป็นหลอดประหยัดไฟในตลาดสดของชุมชน ปรับปรุงระบบแสงสว่างประหยัดพลังงานให้กับศูนย์เด็กปฐมวัยแฟลต10ดินแดง ให้มีแสงสว่างที่เหมาะสมและประหยัดพลังงาน จัดกิจกรรมให้ชาวชุมชนนำหลอดไส้ที่ใช้อยู่ มาแลกหลอดประหยัดไฟ เพื่อนำกลับไปใช้ที่บ้าน ตลอดจนนำความรู้เกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน และการบริหารการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เผยแพร่ต่อชุมชนผ่านกิจกรรมสันทนาการ
ขอแสดงความนับถือ
Chalermpol Sirichotiwong
Manager
Energy Saving Consultation Center
The Thai Chamber of Commerce
Tel: 0-2622-1860-70 Ext.312
Fax: 0-2622-2375
Email: escc@thaiechamber.com