ทีดีอาร์ไอขนข้อมูลอัดกทช.ยับ ชงรัฐแก้พ.ร.บ.โทรคมฯให้ต่างชาติถือหุ้น 100% ย้ำต้องยอมรับความจริงต่างชาติเท่านั้นที่มีศักยภาพลงทุน แฉ กทช. ออกร่างครอบงำกิจการโดยต่างด้าวตีกันฝรั่งประมูล 3G ทำให้เหลือเพียงค่ายมือถือหน้าเดิมรายเก่า ฟันธงประมูล 3G ไม่เดือดดานราคาสูงกว่าราคาเริ่มไม่มาก แนะออกใบอนุญาตบังคับไว-แมกซ์แข่ง 3G สร้างการแข่งขันอย่างแท้จริง ส่วนการคงสิทธิเลขหมายมือถือสรุปโทษที่ไม่ปฏิบัติตามกทช. 6 กันยายนนี้
นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ รองประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ เปิดเผยถึงข้อคิดเห็นต่อนโยบายและกฎระเบียบของรัฐต่อบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ว่า รัฐบาลควรเร่งแก้กฎหมายประกอบกิจการโทรคมนาคมฉบับที่ 3 เพื่อเปิดเสรีการประกอบกิจการโดยเร็วที่สุด ด้วยการแก้เพดานการถือหุ้นของต่างชาติจาก 49% เป็น 100 %เต็ม เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่ากิจการโทรคมนาคมเป็นกิจการที่ใช้เงินลงทุนสูง และยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญจากต่างชาติ
“รัฐบาลควรเริ่มต้นแก้ไขพ.ร.บ.โทรคมนาคมครั้งที่ 3 โดยเปิดให้ต่างชาติมาถือหุ้นส่วนใหญ่ เพราะเราปฎิเสธความจริงไม่ได้ว่ากลุ่มทุนไทยไม่มีกำลังมากพอที่จะลงทุนได้ และผมไม่เชื่อเรื่องปัญหาความมั่นคง และการอ้างความเป็นสัญชาติไทยในกิจการนี้เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เห็นผู้ประกอบการไทยลดค่าบริการและยังเอาเปรียบคนไทยด้วยกันเอง”
นอกจากนี้ ยังเห็นว่ากทช.ไม่ควรนำร่างประกาศ กทช.ว่าด้วยการกำหนดข้อห้ามการกระทำที่มีลักษณะเป็นการครอบงำกิจการโดยคนต่างด้าว พ.ศ.....มาใช้ หรืออย่างน้อยที่สุดต้องไม่นำมาใช้ให้มีผลย้อนหลัง เพราะร่างฯดังกล่าวเป็นสาเหตุสำคัญทำให้ผู้ประกอบการต่างชาติไม่เข้าร่วมการประมูล 3G โดยที่ผ่านมานักวิเคราะห์ออกมาระบุเป็นเสียงเดียวกันว่าต่างชาติกังวลเรื่องร่างครอบงำต่างด้าวจนตัดสินไม่เข้าร่วมประมูล ไม่ใช่ประเด็นเรื่องการยกเลิกสัญญาเป็นใบอนุญาต หรือเรื่องการบิดเบือนข้อมูลเรื่องกทช.ไม่มีอำนาจในการจัดสรรความถี่ใหม่ หรือบิดเบือนเรื่องกติกาให้รายใหม่ไม่สามารถแข่งขันกับรายเก่าได้ ตามที่กทช.กล่าวอ้างก่อนหน้านี้
“กทช.ทำร่างดังกล่าวขึ้นมาโดยไม่มีการประเมินความเสียหาย และตอนนี้ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้วตั้งแต่ยังไม่บังคับใช้เพราะไม่มีต่างชาติมาร่วมประมูลแม้แต่รายเดียว มีเพียงผู้ให้บริการเข้าร่วมประมูลซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าคลื่นไม่สูงกว่าราคาตั้งต้น 12,800 ล้านบาทแน่นอน หากยังประกาศใช้ร่างนี้ก็จะสร้างความเสียหายเพิ่มขึ้น”
อย่างไรก็ดี หากหากกร่างฯมีการหยิบยกขึ้นมาใช้อีกครั้งในการประมูลใบอนุญาตสุดท้ายที่เหลือ ก็จะไม่เกิดการแข่งขันเหมือนเดิมเพราะส่งผลให้ผู้ให้บริการรายเดิมที่พลาดการประมูลใบอนุญาต 2 ใบแรกไป โดยไม่ต้องประมูล และได้ในราคาต่ำสุดของผู้ชนะการประมูล อีกทั้งระยะเวลากำหนดระยะเวลาในการดำเนินการเปิดให้ไลเซนส์ใบสุดท้ายสั้นเกิดไปเพียง 90 วัน ทั้งนี้ เพื่อให้การแข่งขันรอบแรกมีการแข่งขันที่แท้จริงควรเพิ่มระยะเวลาออกไปเป็น 1 ปี
ทั้งนี้ กทช.ควรกำกับดูแลการเชื่อมโยงโครงข่ายและการใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกันให้เอื้อต่อการแข่งขัน โดยไม่ควรกำหนดให้เอกชนตกลงกันเอง แทบจะไม่กำกับดูเพราะเอกชนอาจจะตกลงค่าเช่าราคาสูงเพื่อกีดกันรายใหม่เข้าสู่ตลาด เหมือนกรณีการกำหนดค่าเชื่อมโยงโครงข่าย ซึ่งรัฐบาลและกทช.ควรร่วมกันทำความชัดเจนเรื่องการใช้โครงข่ายพื้นฐาน 2G โดยเร็วเพื่อช่วยลดการลงทุนซ้ำซ้อน
นายสมเกียรติยังให้ข้อเสนอแนะอีกว่า กทช.ควรกำหนดเงื่อนไขในการให้บริการอย่างทั่วถึงที่เอื้อต่อการแข่งขัน โดยให้เป็นไปตามพ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่และกำกับดูและวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ... ที่จะประกาศใน 2-3 เดือนหลังจากนี้และตามคำแนะนำของธนาคารโลกที่ระบุให้ผู้รับใบอนุญาตให้บริการอย่างทั่วถึง หรือ USO ตามแผนที่ กทช.กำหนด หากไม่สามารถดำเนินการได้ก็ให้จ่ายเงินจำนวน 4% ของรายได้รวมเข้ากองทุน USO
ฉะนั้น การที่กทช.กำหนดตามใจชอบโดยไม่มีการวางแผนล่วงหน้าให้ผู้รับใบอนุญาต 3G ให้บริการอินเทอร์เน็ต 4.5 หมื่นโรงเรียนเฉลี่ยรายละ 1.5 หมื่นโรงเรียน โดยไม่คิดค่าบริการฟรี 5 ปี โดยไม่มีการันตรีว่ามีต้นทุน 4% ตามข้อกำหนดนั้นไม่เป็นธรรมกับผู้รับใบอนุญาตรายอื่น
นอกจากนี้ กทช.ควรส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันข้ามบริการ ด้วยการออกใบอนุญาตการประกอบกิจการไว-แมกซ์ให้แข่งขัน 3G มากกว่าให้เป็นบริการเสริม 3Gในพื้นที่ห่างไกล โดยห้ามไม่ให้ผู้รับใบอนุญาต 3G ประกอบกิจการไว-แมกซ์ หรืออย่างน้อยควรสงวนใบอนุญาตจำนวนมากให้รายใหม่เพื่อสร้างการแข่งขันให้มีมากขึ้น
ส่วนกรณีการคงสิทธิเลขหมาย (นัมเบอร์พอร์ทิบิลิตี้) กทช.ควรจะเรียกปรับผู้ให้บริการที่ให้บริการล่าช้ามากกว่าน 20,000 บาท เพราะจำนวนดังกล่าวเป็นเงินน้อยเกินไปสำหรับผู้ให้บริการมือถือที่มีกำไรมหาศาลในแต่ละปี ส่งผลให้ผู้ให้บริการไม่กลัวทำผิดกฎหมาย
สุดท้ายกทช.ควรกำหนดมาตราการคุ้มครองผู้ใช้บริการ 2G ไม่ให้ถูกกดดันไปใช้บริการ 3G เช่น การเข้าไปกำกับดูแลค่าบริการและคุณภาพอย่างเคร่งครัด หากกทช.ไม่เข้าไปดูแลผู้ให้บริการอาจละเลยบริการ 2G บีบให้ผู้ใช้บริการย้ายไปใช้ 3G เพื่อลดค่าสัมปทานที่ต้องจ่ายให้รัฐลงต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ นายสมเกียรติยังให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวคิดแปลงสัมปทาน 2G ของรัฐบาลว่า เป็นหลักการที่ดีเพราะมีความเป็นไปได้ทางการเงิน แต่เป็นแนวทางที่ผลักดันยาก ฉะนั้น อย่างน้อยรัฐบาลควรจะมีการหารือเรื่องการให้เช่าโครงสร้างพื้นฐานก่อนอายุสัมปทานจะหมด
"รัฐบาลควรลดค่าธรรมเนียมจาก 12.5% ให้อยู่ในระดับเดียวกับ 3G ซึ่งมีค่าธรรมเนียมใบอนุญาต 2% USO 4% โดยรัฐไม่ควรได้ผลประโยชน์น้อยกว่าเดิมด้วยการเพิ่มรายได้จากค่าแรกเข้าโดยให้ผ่อนชำระได้ ค่าเช่าโครงข่ายและค่าประมูลคลื่น ในขณะที่เอกชนได้ประโยชน์จากการลดการลงทุนซ้ำซ้อน
กทช.สรุปโทษไม่เปิดนัมเบอร์พอร์ต6ก.ย.นี้
นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร กรรมการ กทช. กล่าวภายหลังการประชุมบอร์ด กทช. เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมาว่า กทช.ได้มอบหมายให้คณะกรรมการเปรียบเทียบปรับ ซึ่งมีนายประเสริฐ อภิปุญญา รองเลขาธิการ กทช. เป็นประธาน ไปพิจารณาความเสียหายที่จะเกิดขึ้น จากกรณีที่เอกชนไม่สามารถเปิดให้บริการคงสิทธิเลขหมายได้ตามกำหนดในวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยให้กลับมารายงาน ซึ่งรวมถึงบทลงโทษที่จะมีกับเอกชน ชัดเจนต่อบอร์ดกทช.อีกครั้งในวันที่ 6 กันยายนนี้
สำหรับความผิดดังกล่าวถือเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 66 พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม ซึ่งมีโทษปรับขั้นต่ำวันละ 20,000 บาท นับจากวันที่ฝ่าฝืนคำสั่ง ตลอดจนพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการการ ซึ่งค่าปรับนั้นอาจมากขึ้นตามการพิจารณาความเสียหายที่ประชาชนและส่วนรวมจะได้รับ ซึ่งจากรายงานของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) มีประชาชนร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้เข้ามาจำนวนมากเช่นกัน