ข่าวพลังงานประจำวันที่ 18 มกราคม 2554
ESCC ENERGY News Today
January 18th 2011
ประเด็นข่าว
1. พลังงานโชว์ยอดใช้ E85 พรวด
2. พลังงานเล็งปรับค่าเอฟที 10 สตางค์
3. ดึงค่าภาคหลวงปิโตรเลียมอุ้มแอลพีจี ส่งซิกขยับค่าไฟอุตฯอุ้มผู้ใช้รายย่อย
4. ใช้ยูโร 4 ปี'55 ดันน้ำมันขึ้น 75 สต./ลิตร
5. สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจฯลงภูเก็ตรวบรวมข้อมูลพลังงานทดแทน-รถราง
6. ล็อกซเล่ย์ลงทุนโรงไฟฟ้าคาดขายไฟให้ กฟภ. สิ้นปีนี้
7. ค้านตรึงดีเซลชี้ไร้ประโยชน์ดึงกฟผ.อุ้มไฟ
8. ราชบุรีโฮลดิ้ง ลงทุนถือหุ้นในโซลาร์ต้า 49% ร่วมพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 8 โครงการ รวมกำลังผลิต 34 เมกะวัตต์
9. สกพ.เดินสาย Road Show ภายใต้โครงการ ERC-e-learning 9 สถาบันการศึกษาทั่วประเทศ หวังกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมโครงการและเติมเต็มความรู้ด้านพลังงาน
10. อาคารปิรามิด (อาคารอนุรักษ์พลังงานเฉลิมพระเกียรติ) เปิดให้เข้าชมเทคโนโลยีการประหยัดพลังงานฟรี)
11. "เจ้าท่า"โชว์ผลงานท่าเรือประหยัดพลังงาน
ข่าวประชาสัมพันธ์
กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานขอเชิญร่วมส่งผลงานประกวดสุดยอดรางวัลด้านพลังงานไทยระดับสากล..ลดโลกร้อน “Thailand Energy Awards 2011” ผู้ชนะเลิศรับโล่เกียรติยศจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี และเป็นตัวแทนประเทศประกวดในระดับอาเซียน
ดาวน์โหลดข้อมูลและใบสมัครได้ที่ www.energy-awards.com
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
กองประกวด Tel: 0-2184-2728-32
Fax: 0-2184-2733-4
Mobile: 08-7822-0776
Email: energyawards@able.co.th
---------------------------------------------------------------------
สำนักงานนโยบายและแผนพลัง งาน (สนพ.) จัด "โครงการประกวดบทอาขยาน ประหยัดพลังงาน" มุ่งรณรงค์ปลุกจิตสำนักใน การประหยัดพลังงาน
ผู้สนใจสามารถส่งผลงานอาขยานเพื่อประหยัดพลังงานได้ที่ ตู้ ปณ 2 ปณฝ. คลองกุ่ม กรุงเทพฯ 10244 หรือ www.eppo.go.th/energy poem หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ 0-2946-8470
***อ่านรายละเอียดข่าวด้านล่างครับ***
ท่านสามารถติดตามข่าวพลังงานย้อนหลังได้ที่ www.escctcc.com
---------------------------------------------------------------------
“รายละเอียดข่าวพลังงาน”
1. พลังงานโชว์ยอดใช้ E85 พรวด
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน กล่าวว่า มาตรการส่งเสริมพลังงานทดแทนประเภทต่างๆของรัฐบาลขณะนี้มีความชัดเจนมากขึ้น โดยเมื่อเร็วๆนี้คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบการสนับสนุนและส่งเสริมให้ผลิตรถ FFV(Flexible Fuel Vehicle) ที่ใช้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ลดอากรนำเข้าภาษีรถยนต์สำเร็จรูป FFV จาก 80% เหลือ 60% ลดภาษีสรรพสามิตของรถยนต์ที่ใช้ E85 ลง 3% และลดอากรนำเข้าชิ้นส่วนที่ไปใช้ในการประกอบรถยนต์ FFV ที่ไม่สามารถผลิตในประเทศได้ทั้งหมด 15 รายการ ทั้งหมดนี้ถือเป็นการส่งเสริมในด้านผู้ประกอบการ และช่วยให้ผู้บริโภคซื้อรถยนต์ FFV ในราคาเป็นธรรมมากขึ้น
นอกจากนี้ เมื่อดูสถิติการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ก็ขยายตัวในอัตราสูงขึ้นอย่างน่าพอใจโดยปี 2552 ทั้ง ปตท.และบางจาก จำหน่ายได้เฉลี่ยวันละ 685 ลิตร ส่วนปี 2553 เพิ่มเป็นเฉลี่ยวันละ 5,000 ลิตร เพิ่มขึ้น 7-8 เท่า และล่าสุดเดือนพฤศจิกายน 2553 มียอดจำหน่ายเพิ่มเป็นวันละ 8,000 ลิตร และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามอัตรารถ FFV ที่มีวิ่งบนถนนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมพลังงาน กล่าวว่า นโยบายสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนของรัฐนั้นดี แต่ในทางปฏิบัติเดินได้ช้ามาก ในส่วนของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 นอกจากรถยนต์ที่ใช้กันจะน้อยแล้ว ผู้ผลิตโดยเฉพาะจากญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยสนใจผลิตรถยนต์ที่ใช้ E85 แต่หันไปผลิตรถยนต์ไฮบริด หรือรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแทน ขณะที่โรงงานผลิตเอทานอลซึ่งถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในการนำมาทำ E85 ก็หันไปส่งออกมากกว่าขายในประเทศ เพราะได้ราคาดีกว่า ประกอบกับวัตถุดิบที่นำมาทำเอทานอล ทั้งมันสำปะหลังหรืออ้อยก็มีไม่เพียงพอ จึงไม่แน่ใจว่านโยบายของภาครัฐที่จะเพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 เป็นวันละ 41,000 ลิตร ในปีนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่
---------------------------------------------------------------------
2. พลังงานเล็งปรับค่าเอฟที 10 สตางค์
นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกูเลเตอร์) เปิดเผยถึงนโยบายการอุดหนุน ประชาชนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือนฟรีว่า เรกูเลเตอร์ต้องเก็บเงินจากผู้ที่ใช้ไฟฟ้าภาคครัวเรือนที่เกิน 90 หน่วยต่อเดือนและภาคอุตสาหกรรมมาอุดหนุนกลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าฟรีประมาณปีละ 15,000 ล้านบาท โดยการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) เฉลี่ย 10 สต. ต่อหน่วย
“อยู่ระหว่างการพิจารณาการรับภาระ 3 แนวทาง ประกอบด้วยให้ครัวเรือนที่ใช้ไฟเกิน 90 หน่วยต่อเดือนรับภาระทั้งหมด หรือให้เฉพาะภาคอุตสาหกรรมซึ่งเป็นกลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าจำนวนมากเป็นผู้รับภาระทั้งหมด หรือแนวทางสุดท้ายให้ทั้งสองกลุ่มร่วมกันรับภาระแทน คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงเดือนเม.ย. ก่อนที่จะประกาศใช้ในงวดบิลเดือน พ.ค.-ส.ค. 54”
นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน กล่าวว่า อยู่ระหว่างการแก้กฎหมายปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 เกี่ยวกับการนำรายได้จากค่าภาคหลวงที่ปัจจุบันส่งเงินเข้ากระทรวงการคลังปีละ 4 หมื่นล้านบาทเพื่อนำเงินส่วนหนึ่งเข้ามาอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคครัวเรือนและขนส่งทดแทนการใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากต้องการใช้เงินจากกองทุนฯ เข้ามาดูแลราคาน้ำมันเป็นหลัก
ทั้งนี้หากลดภาระของกองทุนน้ำมัน จากการตรึงราคาแอลพีจีได้แล้ว มีความเป็นไปได้ที่จะลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันในส่วนของเบนซินลงต่ำกว่านี้.
---------------------------------------------------------------------
3. ดึงค่าภาคหลวงปิโตรเลียมอุ้มแอลพีจี ส่งซิกขยับค่าไฟอุตฯอุ้มผู้ใช้รายย่อย
“วรรณรัตน์” ยันมีเงินตรึงแอลพีจีภาคครัวเรือนและขนส่งแล้วโดยเตรียมแก้กม.ปิโตรเลียมดึงค่าภาคหลวงมาอุ้มแทนกองทุนน้ำมันฯ ระหว่างรอแก้คลังจะตั้งงบฯมาดูแลก่อน หากลดภาระตรึงแอลพีจีได้อาจลดเก็บเงินกลุ่มเบนซินลง ขณะที่นโยบายประชาวิวัฒน์ใช้ไฟฟรีรายย่อยไม่เกิน 90 หน่วยส่งซิกดึงภาคอุตฯมาอุ้ม ขณะที่เรกูเลเตอร์รับเบื้องต้นมี 3 ทางเลือกหากเกลี่ยทุกส่วนเอฟทีขึ้น 10 สตางค์ต่อหน่วย
น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า นโยบายของภาครัฐในการดูแลการตรึงราคาแอลพีจี(ก๊าซหุงต้ม)ภาคขนส่งและครัวเรือนนั้นเบื้องต้นจะให้คลังตั้งงบประมาณมาดูแลก่อนเริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค. 54โดยระหว่างนี้ก็ให้เร่งแก้ไขพระราชบัญญัติปิโตรเลียมเพื่อที่จะดึงเงินค่าภาคหลวงปิโตรเลียมมาอุดหนุนแทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในระยะยาวซึ่งการแก้ไขกฏหมายดังกล่าวจะใช้เวลาค่อนข้างนานแต่ยืนยันว่าจะไม่ไปแตะค่าภาคหลวงปิโตรเลียมท้องถิ่นแต่อย่างใด
"การแก้ไขกฏหมายนานจึงต้องให้คลังตั้งงบประมาณมาดูแลก่อนและจะเน้นค่าภาคหลวงกับแหล่งปิโตรเลียมในทะเลอ่าวไทย แล้วก็นำมาให้กองทุนน้ำมันฯดูแลแต่จะเป็นเงินเท่าใดจะต้องมาดูรายละเอียดอีกครั้งและดูว่าการใช้แอลพีจีลดลงไปมากน้อยเพียงใดด้วยส่วนจะตรึงไปนานแค่ไหนก็อยู่ที่นโยบายรัฐบาล"รมว.พลังงานกล่าว
ทั้งนี้หากลดภาระของกองทุนน้ำมันฯ จากการตรึงราคาแอลพีจีได้แล้ว มีความเป็นไปได้ที่จะลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯในส่วนของเบนซินลง จากขณะนี้เบนซิน 95 เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ 7.50 บาท/ลิตร เบนซิน 91 เก็บ 6.70 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เก็บ 2.40 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 เก็บ 10 ส.ต./ลิตร
สำหรับการปรับขึ้นราคาภาคอุตสาหกรรมนั้นจะทยอยปรับขึ้นราคาครั้งแรกในช่วงเดือนมี.ค. เพื่อให้ราคาเท่ากับตลาดโลกในเดือนก.ค. ขณะนี้ราคาตลาดโลกอยู่ที่ 929 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล คาดว่าจะต้องปรับขึ้นอีก 18-19 บาท/กิโลกรัม(กก.)จากที่ตรึงไว้ 18.13 บาท/กก.แต่คาดว่าราคาแอลพีจีในช่วงเวลาดังกล่าวจะไม่แพงมากเท่ากับปัจจุบัน เนื่องจากหากผ่านพ้นหน้าหนาวราคาแอลพีจีตลาดโลกน่าจะปรับลดลงเป็นไปตามวัฎจักรราคาแอลพีจีตลาดโลก โดยกระทรวงเตรียมหารือกับอุตสาหกรรมที่ใช้แอลพีจี อาทิ เซรามิก เพื่อหาแนวทางช่วยลดผลกระทบให้กระทบน้อยที่สุด
ส่วนนโยบายการใช้ไฟฟ้าฟรีสำหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ 90 หน่วยแบบถาวรจะให้ใครเป็นผู้มาอุดหนุนนั้นส่วนตัวเห็นว่าภาคอุตสาหกรรมควรจ่ายมากกว่าประชาชนทั่วไปผู้ใช้ไฟฟ้าเนื่องจากใช้ค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามอำนาจดังกล่าวคงขึ้นอยู่กับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(เรกูเลเตอร์) เป็นผู้พิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง
นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานเรกุเลเตอร์ กล่าวว่า แนวทางการเกลี่ยค่าไฟฟ้าเพื่ออุดหนุนผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต้องใช้เงินถึงปีละ 15,000 ล้านบาทว่า ในเบื้องต้นมี 3 แนวทาง ที่จะนำไปใช้คือ 1.เฉลี่ยให้ผู้ที่ใช้ไฟเกิน 90 หน่วยทั้งภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรมช่วยรับภาระไปทั้งหมดคาดว่าจะมีผลทำให้ค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ(เอฟที) ปรับขึ้นน 10 ส.ต./หน่วย 2.เกลี่ยให้เฉพาะประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้ารับภาระเพราะอยู่ในกลุ่มเดียวกันและ 3.ให้ภาคที่ใช้ไฟฟ้ามากที่สุดคือภาคอุตสาหกรรมรับภาระไป ซึ่งแนวทางทั้งหมดจะต้องมาพิจารณาอีกครั้งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงเดือนเม.ย. เพื่อประกาศใช้ในเดือนพ.ค.-ส.ค. ซึ่งเป็นงวดของการคิดค่าเอฟทีพอดี
อย่างไรก็ตามขณะนี้เรกูเลเตอร์อยู่ระหว่างศึกษาที่จะปรับโครงค่าไฟฟ้าฐานใหม่ มีความเป็นที่อาจจะนำภาระในการอุดหนุนผู้ใช้ไฟฟ้ามาพิจารณาในโครงสร้างค่าไฟฟ้าฐานใหม่ คงต้องหาข้อสรุปร่วมกับระหว่างผู้ที่เกี่ยวก่อน
---------------------------------------------------------------------
4. ใช้ยูโร 4 ปี'55 ดันน้ำมันขึ้น 75 สต./ลิตร
บางจากฯเตือนผู้บริโภครับมือราคาน้ำมันขยับอีก 50-75 สต./ลิตรในปี'54 หลังรัฐบังคับใช้น้ำมันยูโร 4 เหตุต้นทุนการผลิตเพิ่มหลังโรงกลั่นใช้เงินลงทุนปรับคุณภาพน้ำมันนับหมื่นล้านบาท เชื่อรัฐปล่อยให้ประชาชนรับภาระเหตุแบกภาระไม่ไหว เผยโรงกลั่นบางจากฯผลิตเบนซินยูโร 4 ได้ไตรมาส 4นี้
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โครงการลงทุนปรับปรุงน้ำมันเบนซินเพื่อให้ได้ตามมาตรฐานยูโร 4 ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไฟไหม้โรงกลั่นน้ำมันเมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา คาดว่าบริษัทฯจะผลิตน้ำมันเบนซินตามมาตรฐานยูโร 4 ได้ในไตรมาส 4/2554ส่งผลให้บางจากฯจำหน่ายน้ำมันยูโร 4 ทุกประเภทเร็วกว่ากำหนดที่รัฐบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 55
จากนโยบายการบังคับใช้น้ำมันยูโร 4 ทำให้โรงกลั่นน้ำมันในประเทศต้องลงทุนเพื่อปรับปรุงคุณภาพน้ำมันกลุ่มเบนซินและดีเซลให้ได้ตามมาตรฐานยูโร 4 ตามกำหนด ซึ่งโรงกลั่นลงทุนนับหมื่นล้านบาท และโรงกลั่นบางจากเองก็ลงทุนไปนับพันล้านบาท ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตน้ำมันเบนซินและดีเซล ยูโร 4 เพิ่มสูงขึ้นอีกลิตรละ 0.50-0.75 บาท/ลิตรซึ่งเป็นภาระที่ผู้บริโภคน้ำมันต้องแบกรับไว้นอกเหนือจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในขณะนี้
ที่ผ่านมารัฐได้อุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล ยูโร 4 ลิตรละ 24 สตางค์ ให้กับโรงกลั่นบางจากและโรงกลั่นไทยออยล์ที่ผลิตและจำหน่ายน้ำมันดีเซล มาตรฐานยูโร 4 เร็วกว่ากำหนด แต่ในไตรมาส 4 นี้ รัฐคงต้องพิจารณาว่าจะอุดหนุนราคาน้ำมันเบนซินยูโร 4 ให้กับบางจากฯ ลิตรละเท่าไรเพื่อลดภาระผู้ประกอบการและผู้บริโภคก่อนที่จะบังคับใช้น้ำมันยูโร 4 ทุกชนิดในต้นปีหน้า ซึ่งโอกาสที่รัฐจะแบกรับภาระต้นทุนการผลิตน้ำมันยูโร 4 ทั้งหมด คงทำได้ยาก เนื่องจาก ความต้องการใช้น้ำมันในประเทศรวม 70 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นเงินที่ต้องอุดหนุนสูงถึง 50 ล้านบาท/วัน และผู้ค้าน้ำมันเองก็คงไม่สามารถแบกรับภาระดังกล่าวได้ สุดท้ายคงต้องส่งผ่านให้ผู้บริโภค
ปัจจุบันรัฐได้นำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล 1.65 บาท/ลิตร และบี 5 ลิตรละ 2.50 บาท คิดเป็นวงเงินที่รัฐนำเงินกองทุนน้ำมันเข้ามาอุดหนุนวันละ 80-90 ล้านบาท ซึ่งตนเห็นว่าการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลชั่วคราวนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ควรอุดหนุนมากและเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ประชาชนไม่ประหยัดการใช้ และเป็นภาระของประเทศเนื่องจากแนวโน้มราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
หากราคาน้ำมันดิบพุ่งไปถึง 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล รัฐไม่มีทางเลือกก็คงต้องพิจารณาใช้นโยบายด้านภาษีเข้ามาอุดหนุน หรือพิจารณาว่าจะปรับอัตราการอุดหนุนราคาขายปลีกดีเซลจาก 30 บาท/ลิตรเป็น 31 บาท/ลิตรได้หรือไม่ เนื่องจากไม่ควรใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อการอุดหนุนราคาดีเซลจนหมดหน้าตัก
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อไปว่า ปีนี้ค่าการกลั่นอยู่ที่ 5.50-6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่บางจากฯมีเป้าหมายการกลั่นน้ำมันในปีนี้เฉลี่ย 9 หมื่นบาร์เรล/วัน แม้ว่าโรงกลั่นจะมีอุบัติเหตุท่อของอุปกรณ์ควบคุมในหน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเตาเป็นน้ำมันดีเซลรั่วจนทำให้เกิดเพลิงไหม้ โดยบริษัทฯมีแผนจะเลื่อนการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นให้เร็วกว่ากำหนด 1เดือนจากเดิมจะปิดซ่อมบำรุงในปลายเดือนก.พ.นี้
---------------------------------------------------------------------
5. สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจฯลงภูเก็ตรวบรวมข้อมูลพลังงานทดแทน-รถราง
คณะทำงานโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม และพลังงาน สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติลงพื้นที่ภูเก็ตรวบรวมข้อมูลพลังงานทดแทน การคมนาคมทางรางและผังเมือง นำเสนอครม.
วานนี้(17 ม.ค.)คณะทำงานโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม และพลังงาน สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประชุมหารือเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การพัฒนาพลังงานทดแทน การพัฒนาการขนส่งทางราง และการพัฒนาด้านผังเมือง ร่วมกับ นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ศาลาประชาคมจังหวัดภูเก็ต
นายสมศักดิ์ ถนอมวรสิน ประธานคณะทำงานโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม และพลังงาน กล่าวว่า คณะทำงานโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม และพลังงาน สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งมีหน้าที่ศึกษาวิเคราะห์ และจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและมาตรการในการแก้ไขปัญหาและการพิจารณาระบบสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและคมนาคม ที่อยู่อาศัยและพลังงาน เสนอต่อที่ปรึกษาสภาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
ขณะนี้ คณะทำงานฯอยู่ระหว่างการดำเนินการศึกษา รวบรวมข้อมูล เพื่อจัดทำความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การพัฒนาพลังงานทดแทน การพัฒนาการขนส่งทางราง และการผังเมืองเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีใน 3 ประเด็นหลัก คือ การพัฒนาพลังงานทดแทนสู่หนึ่งชุมชนหนึ่งพลังงานทดแทน การพัฒนาการขนส่งทางราง ซึ่งเป็นรถไฟความเร็วสูงจากภาคเหนือ-ภาคใต้ และการแก้ไขและการพัฒนาผังเมืองเมืองใหญ่ โดยก่อนที่จะมารับฟังความเห็นจากหน่วยงานต่างๆในภูเก็ต คณะทำงานฯได้ไปรับฟังความเห็นที่จ.กระบี่ พบว่า หลายหน่วยงานในกระบี่ต้องการให้มีการพัฒนาไบโอดีเซลมาเป็นพลังงานทดแทน
ส่วนที่จ.ภูเก็ต น่าที่จะดำเนินการพลังงานทดแทนแบบกรีนซิตี้ ที่เป็นพลังงานสะอาด เช่น พลังงานลม พลังงานจากไฟฟ้าและพลังงานแสงอาทิตย์ น้ำมันไบโอดีเซล มาทดแทนการใช้น้ำมัน ซึ่งจะช่วยลดการนำเข้าน้ำมันและลดภาวะโลกร้อน นอกจากนี้บริเวณอ่าวต่างๆ ในภูเก็ตก็น่าที่จะพัฒนามาใช้เรือที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในมากขึ้น ซึ่งในต่างประเทศมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย เพื่อป้องกันมลภาวะจากคราบน้ำมัน
---------------------------------------------------------------------
6. ล็อกซเล่ย์ลงทุนโรงไฟฟ้าคาดขายไฟให้ กฟภ. สิ้นปีนี้
นายธงชัย ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ล็อกซเล่ย์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการลงทุนในบริษัท แอล โซลาร์1 จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่หมู่บ้านบ่อทอง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ล่าสุดบริษัทได้ลงนามในสัญญาร่วมลงทุนกับพันธมิตร 3 ราย โดยล็อกซเล่ย์ถือหุ้นในสัดส่วน 45% ขณะที่พันธมิตรอีก 3 ราย ได้แก่ 1.บมจ.หลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี ถือหุ้นในสัดส่วน 24.99% 2.บริษัท ลีโอนิคส์ จำกัด ถือหุ้น 16% และ 3.กลุ่มของ พ.อ.ดร.ประเสริฐ ชูแสง ถือหุ้น 14.01%
ทั้งนี้ บริษัทมีทุนจดทะเบียน 220 ล้านบาท ในการจัดตั้งบริษัทเพื่อดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 8.68 เมกะวัตต์ เพื่อเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าบนพื้นที่กว่า 215 ไร่ ใน อ.กบินทร์บุรี คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนสิงหาคม 2554 และสามารถเริ่มผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) ได้ภายในเดือนกันยายน 2554
นายธงชัย กล่าวอีกว่า ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าดังกล่าวนั้น บริษัทคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมโดยชักชวนประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างพื้นที่สีเขียว และสวนสมุนไพรภายในพื้นที่โครงการ จัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สร้างชุมชนสัมพันธ์กับประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง เพื่อรับฟังปัญหาและข้อคิดเห็นในการป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้า รวมทั้งให้ความรู้และกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นแก่ประชาชน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี
---------------------------------------------------------------------
7. ค้านตรึงดีเซลชี้ไร้ประโยชน์ดึงกฟผ.อุ้มไฟ
นักวิชาการติงนโยบายตรึงดีเซลไร้ประโยชน์ หากครบวงเงิน 5 พันล้านควรปล่อยตามต้นทุนแท้จริง เพราะน้ำมันขาขึ้นจ่อ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ชี้ 32 บาท/ลิตรเหมาะสมกว่า "บางจาก" จี้ กบง.เร่งพิจารณาก่อนผู้ค้ารับไม่ไหว แนะชดเชยครั้งละไม่เกิน 1.50 บาท/ลิตร เพื่อความรวดเร็ว ด้านเรกูเล เตอร์แย้มดึง กฟผ.อุ้มค่าไฟภาคอุต สาหกรรม หากต้องเกลี่ยมาช่วย 90 หน่วยฟรี
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยว ชาญด้านน้ำมัน เปิดเผยเมื่อวันจันทร์นี้ว่า ราคาน้ำมันดิบมีทิศทางขาขึ้นตลอดทั้งปี 2554 เนื่องจากมีหลายปัจจัย ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ภาวะความผันผวนของค่าเงิน การเก็งกำไรในน้ำมัน ที่สำคัญสต็อก น้ำมันดิบลดลง เพราะกลุ่มสมาชิกผู้ผลิตน้ำ มันโลก (โอเปก) ส่งสัญญาณไม่เพิ่มอัตราการผลิต และต้องการเห็นระดับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ดังนั้น รัฐควรปรับเพดานการตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรเป็น 32-33 บาทต่อลิตร และหากหมดวงเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่กันไว้ 5,000 ล้านบาทในการดูแลแล้ว ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดโลก
"การตรึงราคาดีเซลของรัฐบาลเปรียบเหมือนการต่อสู้กับค่าเงิน ซึ่งท้ายสุดไม่ได้อะไร มีแต่สูญเสียเพราะราคาน้ำมันตลาดโลกมีแต่ปรับขึ้น กรณีดีเซลเกิน 30 บาทต่อลิตร จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นตัวเลขเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่เงินเฟ้อและเศรษฐกิจปีนี้ต่างกัน ตัวเลขต้องปรับใหม่และควรตรึงไว้ไม่ให้เกิน 32 บาทต่อลิตร น่าจะเหมาะสมกว่า และไม่เห็นด้วยถ้าหมด 5,000 ล้านบาทในการตรึงดีเซลแล้วจะไปเอาภาษีสรรพสามิตน้ำมันมาลด ซึ่งก็เปล่าประโยชน์เพราะเวลานี้คนต่างจังหวัดใช้ราคาเกิน 30 บาทต่อลิตรไปแล้ว" นายมนูญกล่าว
ล่าสุด ราคาน้ำมันดิบตลาดเบรนต์ ลอนดอน ในสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับขึ้นไปแตะ ระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลได้ระ หว่างการซื้อขาย เนื่องจากสุดสัปดาห์ที่ผ่าน มาราคาขยับไปอยู่ที่ 99.20 เหรียญสหรัฐต่อ บาร์เรล
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ค่าการตลาดกลุ่มดีเซลขณะนี้เหลือเพียง 1.20 บาทต่อลิตร คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จึงควรเร่งนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาช่วยเหลือ เพื่อไม่ให้ราคาดีเซลปรับขึ้นเกิน 30 บาทต่อลิตร เพราะกลไกของ กบง.ประชุมช้า ทำให้ผู้ค้ารับภาระนาน จึงควรใช้วิธีเดิมในอดีตที่ให้อำนาจ รมว.พลังงานเป็นผู้เห็นชอบการชดเชยในวงเงินครั้งละไม่เกิน 1.50 บาทต่อลิตรเพื่อความรวดเร็ว ซึ่งแนวทางนี้ผู้ค้าน้ำมันจะไม่ต้องรับภาระขาดทุน และทั้งประชาชนจะได้รับผลดีจากนโยบายของรัฐ
"รัฐบาลควรปล่อยให้ราคาดีเซลในประเทศปรับขึ้นตามต้นทุนที่แท้จริง เพราะหากดูแนวโน้มราคาน่าจะอยู่ในเกณฑ์ 31-32 บาทต่อลิตร ซึ่งไม่กระทบต่อภาคขนส่งมากนัก หากดูรถบรรทุกหรือรถโดยสาร ส่วนใหญ่ปรับเปลี่ยนเชื้อเพลิงไปใช้แอลพีจีและเอ็นจีวีเกือบหมดแล้ว จึงไม่น่าจะกระทบต่อราคาสินค้า" นายอนุสรณ์กล่าว
ด้านนายกวิน ทังสุพานิช เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลัง งาน (เรกูเลเตอร์) กล่าวถึงนโยบายให้ผู้ใช้ไฟฟ้าขนาดไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือนฟรี ตามนโยบายประชาวิวัฒน์ว่า ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะใช้แนวทางคิดค่าไฟฟ้าจากภาคอุต สาหกรรมเพิ่มขึ้น เพื่อเกลี่ยไปช่วยภาคครัวเรือนหรือไม่ อย่างไร เพราะต้องดูว่าจะคิดจากอุตสาหกรรมในภาคธุรกิจใดจากทั้งหมด 8 ธุรกิจหลัก หรือเหมารวมหมด ซึ่งรวมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ด้วย
ทั้งนี้ หากเกลี่ยหมดทุกภาคจะทำให้ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) เพิ่มขึ้น 10 สตางค์ต่อหน่วย แต่ถ้าแยกเกลี่ยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมจะทำให้มากกว่านั้น จึงต้องรอดูนโยบายจากรัฐบาลก่อนว่าจะอุดหนุนไหวหรือไม่ เพราะภาคอุตสาหกรรมใช้ไฟฟ้าคิดเป็น 60% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมด
"นโยบายของเรกูเลเตอร์ ต้องดูแลการใช้ไฟฟ้าไม่ให้กระทบต่อทุกภาคส่วน ซึ่งก็ต้องดูด้วยว่าคนช่วยดูแลรับภาระได้หรือไม่ เช่น กฟผ.ที่ก่อนหน้านี้บอกว่าสามารถรับได้ไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท ยังต้องดูทิศทางราคาเชื้อเพลิงด้วย เพราะหากปรับขึ้นค่าเอฟทีทีเดียวจะซ้ำเติมภาคอุตสาหกรรมเกินไป อาจทยอยปรับขึ้นเหมือนที่ผ่านมาเพื่อไม่ให้กระทบมากนัก" นายกวินกล่าว
---------------------------------------------------------------------
8. ราชบุรีโฮลดิ้ง ลงทุนถือหุ้นในโซลาร์ต้า 49% ร่วมพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 8 โครงการ รวมกำลังผลิต 34 เมกะวัตต์
บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (“ราชบุรีโฮลดิ้ง”) ได้บรรลุข้อตกลงสัญญาซื้อขายหุ้นและสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นกับ บริษัท ยันฮี โซล่า เพาเวอร์ จำกัดเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2554 เพื่อเข้าถือหุ้นใน บริษัท โซลาร์ต้า จำกัด สัดส่วนร้อยละ 49 มูลค่าการลงทุนประมาณ 595 ล้านบาท ความสำเร็จครั้งนี้ส่งผลให้กำลังผลิตที่มาจากพลังงานทดแทนเติบโตขึ้นอีก 16.78 เมกะวัตต์
นายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท โซลาร์ต้า จำกัด เป็นผู้พัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 8 โครงการ กำลังผลิตติดตั้งรวม 34.25 เมกะวัตต์ ซึ่งทั้ง 8 โครงการได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าประเภท Non-Firm สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กมากที่ใช้พลังงานทดแทนกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และได้รับเงินสนับสนุน (Adder) จากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า จำนวน 8 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง เป็นเวลา 10 ปี ความสำเร็จของการลงทุนครั้งนี้จึงไม่เพียงทำให้กำลังผลิตจากพลังงานทดแทนของบริษัทฯเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการเติบโตทางด้านรายได้และฐานะการเงินของบริษัทฯในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย
ในการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ทั้ง 8 แห่ง บริษัทฯ จะเข้าร่วมบริหารจัดการงานด้านวิศวกรรมของโครงการ ซึ่งทั้ง 8 โครงการตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นครปฐม และสุพรรณบุรี คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2554 - 2555
“การลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากจะคำนึงถึงผลตอบแทนการลงทุนแล้ว ยังเป็นการดำเนินการตามเป้าหมายของบริษัทฯที่มุ่งมั่นจะพัฒนาพลังงานทดแทนให้ได้ 100 เมกะวัตต์ ในปี 2559 ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนเรื่องพลังงานทดแทนและพลังงานสะอาดได้เป็นอย่างดี” นายนพพล กล่าว ปิดท้าย
---------------------------------------------------------------------
9. สกพ.เดินสาย Road Show ภายใต้โครงการ ERC-e-learning 9 สถาบันการศึกษาทั่วประเทศ หวังกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมโครงการและเติมเต็มความรู้ด้านพลังงาน
สกพ. เดินหน้าขยายความรู้สู่ภูมิภาค ภายใต้โครงการ "การส่งเสริมการเรียนรู้ด้านพลังงานผ่านระบบ e-learning ของ สกพ." โดยจัดกิจกรรม Road Show ตามสถานศึกษาในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศจำนวน 9 สถาบัน ทั้งนี้หวังที่จะขยายความรู้ ความเข้าใจ และหาแนวร่วมด้านการศึกษาความรู้ด้านพลังงาน ผ่านโลกนวัตกรรม หวังที่จะพัฒนาและส่งเสริมให้กลุ่มเป้าหมายได้ตระหนักถึงคุณค่าของพลังงานและพลังงานทดแทน พร้อมวางรากฐาน เพื่อสร้างบุคลากร ยกระดับให้เป็นองค์กรสมรรถนะสูงระดับชั้นนำของประเทศ ตั้งเป้า ปี 54 มียอดผู้ลงทะเบียนเรียน 10,000 คน
ทั้งนี้ โครงการ "การส่งเสริมการเรียนรู้ด้านพลังงานผ่านระบบ e-learning ของ สกพ." ถือเป็นหนึ่งในบทบาทสำคัญด้านการส่งเสริมสังคมรวมถึงเป็นการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรเพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพในการประกอบกิจการพลังงาน โดยได้มีการประสานไปยังศูนย์บริการวิชาการ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้เป็นที่ปรึกษาโครงการในการออกแบบ พัฒนาและบริหารจัดการระบบ รวมถึงหลักสูตรการเรียนการสอน ให้ได้มาตรฐานสากล
ผู้สนใจศึกษาการเรียนการสอนออนไลน์ สามารถลงทะเบียนได้ที่ www.e-learning.in.th/erc หรือ www.erc.or.th คลิก e-learning หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่อีเมลล์ staff@erc.or.th และโทรศัพท์ 0 2207 3599 ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
---------------------------------------------------------------------
10. อาคารปิรามิด (อาคารอนุรักษ์พลังงานเฉลิมพระเกียรติ) เปิดให้เข้าชมเทคโนโลยีการประหยัดพลังงานฟรี)
อาคารอนุรักษ์พลังงานเฉลิมพระเกียรติ หรือ อาคารปิรามิด อาคารต้นแบบด้านการอนุรักษ์พลังงานหนึ่งเดียวของอาเชียน ตั้งอยู่คลองห้า ปทุมธานี (ใกล้ตึกลูกเต๋า) เปิดให้ประชาชนทั่วไป นักเรียน นักศึกษา ผู้ทำงานเกี่ยวข้องด้านพลังงาน เข้าชมศูนย์แสดงเทคโนโลยีการอนุรักษ์พพลังงานฟรีตลอดปี พ.ศ.2554 ในวันและเวลาราชการ
ภายในอาคารจัดแสดงเทคโนโลยีการประหยัดพลังงาน 3 ภาค ได้แก่ ภาคบ้านอยู่อาศัย อุตสาหกรรม และภาคอาคารธุรกิจ ซึ่งจะทำให้ท่านเรียนรู้วิธีประหยัดพลังงานทั้ง 3 ภาคส่วน ที่นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ทั้งยังมีการอบรมเทคนิคการประหยัดพลังงาน และการปลูกจิตสำนึกรักษ์พลังงานให้ฟรีก่อนเข้าชม
ติดต่อเข้าเยี่ยมชมได้ที่ 02-577-7035-40 ต่อ 108
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-577-7035 PR_Pyramid
---------------------------------------------------------------------
11. "เจ้าท่า"โชว์ผลงานท่าเรือประหยัดพลังงาน
นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมโครงการก่อสร้างท่าเรือขนส่งสินค้าทางลำน้ำ เพื่อการประหยัดพลังงาน ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่มีวงเงินลงทุนกว่า 379 ล้านบาท ว่าโครงการดังกล่าวขณะนี้มีความคืบหน้าการก่อสร้างกว่า 66 % จากแผนดำเนินการ ซึ่งล่าช้ากว่าแผนที่กำหนด 6 % เนื่องจากประสบปั ญหาน้ำท่วม อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างดังกล่าวนั้นคาดว่าจะแล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดในเดือน ตุลาคม 2554นี้ อย่างแน่นอน
ส่วนนโยบายการบริหารท่าเรือภายหลังการก่อสร้างแล้วเสร็จนั้น เบื้องต้นกระทรวงคมนาคมเห็นชอบให้ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เป็นผู้บริหารจัดการ เนื่องจากกทท. เป็นหน่วยงานที่มีประสบการณ์ในการบริหารท่าเรือ รวมอุปกรณ์เครื่องที่จะใช้ควบคุมในท่าเรือ ซึ่งจะต้องในเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อรับทราบ
สำหรับโครงการดังกล่าวนั้น มีระยะเวลาการก่อสร้างตามสัญญาตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2552 สิ้นสุดวันที่ 11 ตุลาคม 2554 ซึ่งหลังการก่อสร้างเสร็จจะสามารถรองรับตู้สินค้าได้ 4,000 ตันต่อปี หรือรองรับสินค้าได้ 120,000 ตันต่อปี และคาดว่าอีก 5 ปี จะเต็มขีดความสามารถ ก่อนดำเนินการขยายสถานีขนส่งเพิ่มเติมในระยะที่ 2 หรือเฟส 2 เพื่อเป็นการขยายขีดความสามารถรองรับสินค้าได้ที่ 400,000 ตันต่อปี เนื่องจากปริมาณสินค้าได้มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
-------------------------------------------------------------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ขอเชิญร่วมส่งผลงานประกวดสุดยอดรางวัลด้านพลังงานไทยระดับสากล..ลดโลกร้อน “Thailand Energy Awards 2011” ผู้ชนะเลิศรับโล่เกียรติยศจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี และเป็นตัวแทนประเทศประกวดในระดับอาเซียน
ดาวน์โหลดข้อมูลและใบสมัครได้ที่ www.energy-awards.com
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
กองประกวด Tel: 0-2184-2728-32
Fax: 0-2184-2733-4
Mobile: 08-7822-0776
Email: energyawards@able.co.th
กลุ่มประชาสัมพันธ์ : Tel 0-2233-2322
www.dede.go.th
สำนักงานนโยบายและแผนพลัง งาน (สนพ.) จัด "โครงการประกวดบทอาขยาน ประหยัดพลังงาน" มุ่งรณรงค์ปลุกจิตสำนักใน การประหยัดพลังงาน
ผู้สนใจสามารถส่งผลงานอาขยานเพื่อประหยัดพลังงานได้ที่ ตู้ ปณ 2 ปณฝ. คลองกุ่ม กรุงเทพฯ 10244 หรือ www.eppo.go.th/energy poem หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ 0-2946-8470
สำนักงานนโยบายและแผนพลัง งาน (สนพ.) จัด "โครงการประกวดบทอาขยาน ประหยัดพลังงาน" มุ่งรณรงค์ปลุกจิตสำนักใน การประหยัดพลังงาน พร้อมแนะนำวิธีประ หยัดพลังงานในชีวิตประจำวันให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ที่จะเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต ผ่านรูปแบบบทท่องอาขยานประหยัดพลังงาน
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่า การกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าสถานการณ์พลังงานในปัจจุบัน ทั้งเรื่องวิกฤติราคาน้ำมันในตลาดโลกและแหล่งน้ำมันสำรองทั่วโลกลดลง แต่มูลค่าการใช้พลังงานเพิ่มสูงขึ้นกว่า 1 ล้านบาท กระทรวงพลังงานจึงได้เล็งเห็นความสำคัญของการประหยัดพลังงาน ซึ่งจะต้องรณรงค์ให้ประชาชนตระ หนักในเรื่องนี้ และใช้พลังงานอย่างรู้ค่า มีประสิทธิภาพ และต้องปลูกฝังการประหยัดในกลุ่มเยาวชน
ด้านนายอภิชาติ ดำดี ที่ปรึกษาโครงการประกวดบทอาขยานประหยัดพลังงานกล่าวว่า การประกวดแบ่งเป็นกลุ่มอายุ 12-18 ปี และกลุ่มประชาชนทั่วไป จุดมุ่งหมายคือ ต้องการรณรงค์ให้คนประหยัดพลังงาน เพราะเป็นทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด และเป็นการลดภาวะโลกร้อน ซึ่งที่โลกร้อนขึ้นเป็นผลจากการบริ โภคทรัพยากรธรรมชาติและพลังงานที่เกินเลยของมนุษย์ในปัจจุบัน
ส่วนการเลือกบทอาขยานมาประกวด เพราะที่ผ่านมา สนพ.เคยออกโฆษณาประหยัด พลังงานเป็นบทอาขยานของอาเม้ง ที่แม่สอนให้ประหยัดกินปลาให้หมด ซึ่งทำให้ประชาชนจดจำและตื่นตัวเรื่องนี้มาก จึงคิดว่าถ้ามีการทำอาขยานที่สะกิดใจคนฟังและคนจดจำได้ก็น่าจะกระตุ้นจิตสำนึกเรื่องการประหยัดพลัง งานให้กับคนง่ายขึ้น
"สังคมไทยเป็นสังคมเจ้าบทเจ้ากลอน และกลอนเป็นสิ่งที่เด็กๆ จะจดจำ ส่วนอาขยาน มีความคล้องจอง หัวใจหลักของอาขยานทำให้เด็กซึมซับภาษาไทยโดยไม่รู้ตัว เด็กๆ ท่องจำได้ ซึ่งเนื้อหาในกลอนและอาขยานนี้น่าจะปลูกฝังเด็กไปถึงตอนโต นอกจากนี้สถานการณ์กาพย์ กลอน ฉันท์ ชักจะน่าเป็นห่วง ค่อยๆ หายไปจากสังคมไทย ซึ่งเราน่าจะอนุรักษ์ศิลปะทางวรรณคดีไว้" นายอภิชาติกล่าว
ผู้สนใจสามารถส่งผลงานอาขยานเพื่อประหยัดพลังงานได้ที่ ตู้ ปณ 2 ปณฝ. คลองกุ่ม กรุงเทพฯ 10244 หรื