เขตเศรษฐกิจแม่สอดชักวุ่น หอตากค้านสภาอุตฯ ไม่เร่งขยาย
สภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก เสนอรัฐขยายพื้นที่จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ จาก 5603 ไร่ โดยยกสามอำเภอชายแดน (แม่สอด-พบพระ-แม่ระมาด) เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ตามมติ ครม. 19 ตุลาคม 2547 ทางด้านประธานหอตาก นายบรรพต เห็นว่าควรใช้พื้นที่ 5603 ไร่ เป็นเขตเศรษฐกิจไปก่อน แล้วค่อยๆขยายพื้นที่เพื่อรองรับ EWEC
นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เป็นประธานในการประชุม๕ระกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ จังหวัดตาก ครั้งที่ 10/2554 ณ ห้องประชุมตากสินมหาราช ชั้น5 ศาลากลางจังหวัดตาก โดยมีภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ประธานสภาอุตสาหกรรม คณะกรรมการบริหารหอการค้าจังหวัดตาก และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมประชุมกว่า 50 คน ทั้งนี้เพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาภายในจังหวัด
นายชัยยุทธ เสณีตันติกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก กล่าวว่า สภาอุตสาหกรรมได้เสนอเรื่องสำคัญ เพื่อพัฒนาศักยภาพ และขับเคลื่อน ให้มีการผลักดันจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด ตามมติครม.เมื่อวันที่ 19ตุลาคม 2547 โดยได้มีการประชุมครม.สัญจร ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และเป็นมติ ครม.ในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยสภาอุตสาหกรรมต้องการนำมติให้รัฐบาลนำมติดังกล่าว มาทบทวนพื้นที่การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด จากพื้นที่ 5603 ไร่ ในเขต อบต.แม่ปะและอบต.ท่าสายลวด ตามมติ ครม.วันที่26 เมษายน 2554 ขยายเป็นพื้นที่ 3 อำเภอชายแดนไทย-พม่า คืออำเภอแม่สอด พบพระ และแม่ระมาด เพราะเห็นว่าการตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษนั้น จะต้องมีพื้นที่ที่ครอบคลุมชายแดนจะเหมาะสมกว่าพื้นที่ 5603 ไร่ นอกจากเสนอนี้แล้วยังเสนอให้มีการทบทวนจัดผังเมืองรวมนครแม่สอด เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษอีกด้วย ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดตาก และคณะกรรมการ กรอ.จังหวัดตาก มีความเห็นที่จะรับไปพิจารณาและเสนอรัฐบาลต่อไป
ทั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก ต้องการให้เขตเศรษฐกิจพิเศษมีพื้นที่ในอำเภอชายแดนสำคัญ เพื่อให้การพัฒนาเศรษฐกิจเป็นไปอย่างสูงสุด โดยให้ อ.แม่สอด เป็นพื้นที่ย่านเศรษฐกิจ ติดต่อการค้า การส่งสินค้าชายแดนไทย-พม่า และศูนย์รวมทางด้านเศรษฐกิจต่างๆ ที่ อ.พบพระ เป็นพื้นที่ด้านการผลิตผลผลิตทางการเกษตร และอุตสาหกรรมเกษตร ส่วนที่ อ.แม่ระมาด จะให้เป็นพื้นที่การก่อตั้งนิคมอุตสาหกรรมใหม่รวมทั้งการขยายสนามบินเพื่อการขนส่ง การท่องเที่ยวและธุรกิจอื่นๆ และจุดส่งออกสินค้าชายแดนเพื่อรองรับนครแม่สอด เป็นศูนย์กลางภูมิภาคและประตูการค้าชายแดนบนระเบียงเศรษฐกิจ EWEC และเตรียมรองรับการเป็นประชาคมอาเซียน (AEC) อีกด้วย
ทางด้านนายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวในเรื่องเดียวกันนี้ แต่เห็นแย้งว่า ขณะนี้ร่าง พ.ร.ฎ.เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด คืบหน้าไปมากแล้ว โดย ครม.มีมติเห็นชอบและประกาศให้พื้นที่ 5603 ไร่ ในเขต ต.แม่ปะ-ต.ท่าสายลวด เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพียงรอการบังคับใช้เท่านั้น หากมีการย้อนกลับไปใช้ 6 อำเภอชายแดนไทย-พม่า คาดว่าจะเกิดการล่าช้าและส่งผลให้การพัฒนาเขตเศรษฐกิจชายแดนชะงัก หรือสะดุดช้าลง ในส่วนตนเองนั้นเห็นว่า
“ควรใช้พื้นที่5603 ไร่ เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษไปก่อน และขยายพื้นที่ 3 อำเภอชายแดนในภายหลัง ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการพัฒนานครแม่สอด เพื่อรองรับการเป็นถนนสายเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก East-West Economic Corridor
ประตูการค้าชายแดนและศูนย์กลางเศรษฐกิจภูมิภาค รวมทั้งรองรับการเป็นประชาคมอาเซียนและเปิดเขตการค้าเสรีอีกด้วย”
.JPG)