ล้อมกรอบ / จี้รัฐสร้าง "4 เลน-เจาะอุโมงค์" เชื่อม พม่า-แม่สอด รับเออีซี
หอการค้าตาก หนุนรัฐสร้างถนนไฮเวย์ 4 เลนและเจาะอุโมงค์ ทำสะพานไปถึงเมืองเมียวดี ประเทศพม่า รองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนปี 2558 คาดใช้งบก่อสร้าง 2 หมื่นล้านบาท
นายวีระชัย ระกำทอง ผู้อำนวยการแขวงการทางตากที่ 2 แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก กล่าวว่า ทางรัฐบาลไทยได้ใช้งบประมาณ 1,114 ล้านบาท ทำการสร้างถนนไฮเวย์จาก จ.เมียวดี ไปยัง จ.กอกาเลก ประเทศพม่า ระยะทางช่วงแรกจากเมียวดี-เชิงเขาตะนาวศรี 17 กม. รวมทั้งปรับปรุงโครงการถนนสายใหม่ จากหมู่บ้านบางกานจนถึง จ.กอกาเลก ระยะ 28 กม. ขณะนี้ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ และเครื่องจักรกลในการเข้าไปดำเนินการในฝั่งพม่า รวมทั้งการดูพื้นที่ คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 ปีจะแล้วเสร็จ และทำให้การเชื่อมต่อเส้นทางบกมายังอำเภอแม่สอด จ.ตาก สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ส่วนการก่อสร้างถนน 4 เลนจากตาก-แม่สอด ระยะทาง 86 กม. โดยระยะแรก 12 กม.จากปากทาง อ.แม่สอด-ลานสาง ก่อสร้างเสร็จแล้ว ส่วนระยะที่ 2 จากวงเวียน-พระวอ ระยะทาง 13 กม. กำลังดำเนินการก่อสร้างคาดว่าจะเสร็จในเดือน เม.ย. 2556 ถือว่าล่าช้าเนื่องจากติดปัญหาเป็นพื้นที่ต้นไม้หวงห้าม ส่วนระยะที่ 3 และระยะที่ 4 คาดว่าจะดำเนินการไม่ทันเปิดรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 เนื่องจากติดขัดปัญหาด้านงบประมาณ แต่หากรัฐบาลมีการจัดงบพิเศษเข้ามาก็สามารถก่อสร้างให้เสร็จได้ภายใน 2 ปี
"ผมเห็นด้วยกับภาคเอกชนที่เสนอให้มีการเจาะอุโมงค์เส้นทางตาก-แม่สอด เพราะเป็นที่รู้ดีกันว่าสภาพเส้นทางลาดชันขึ้นเขาลงเขา หากสร้างได้จะช่วยลดระยะการก่อสร้าง และการเดินทางได้ เพราะเล็งเห็นว่าในอนาคตไม่เพียงแต่จะพัฒนาเป็นจุดขายโดยสามารถวิ่งได้ทั้งเส้นทางด้านบน และวิ่งลอดอุโมงค์ได้ ซึ่งจะถือว่าเป็นแห่งแรกของประเทศไทย โดยอาจจะมีการจ้างบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาดำเนินการ เพื่อเป็นต้นแบบให้กับเส้นทางอื่นๆ แต่ต้องยอมรับว่าหากจะดำเนินการต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล" นายวีระชัยกล่าว
นายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ ประธานหอการค้า จ.ตาก กล่าวว่า หอการค้าเสนอ ให้มีก่อสร้างถนน 4 เลน สายตาก-แม่สอด ระยะทาง 86 กม.เต็มรูปแบบทั้งตัดถนนเส้นตรง และการเจาะอุโมงค์ รวมถึงการทำสะพานบกบางช่วงในพื้นที่เป็นภูเขาและลาดชัน โดยทราบว่ากรมทางหลวงได้ศึกษาสำรวจข้อมูลแล้ว คาดว่าจะใช้งบประมาณก่อสร้างประมา ณ 18,000-20,000 ล้านบาท เฉลี่ย กม.ละ 250-300 ล้านบาท และการเจาะอุโมงค์จะอยู่ที่ กม.ละ 500 ล้านบาท ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลพร้อมจะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานนี้หรือไม่ ซึ่งหอการค้ามองว่าคุ้มค่าต่อการลงทุน เพราะต่อไปจะเป็นถนนสายเศรษฐกิจที่สำคัญรองรับการค้า การลงทุนเมื่อประเทศไทยสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ระหว่างพื้นที่ตะวันตก และตะวันออก |