
กะเหรี่ยง-มอญ'ส่อร่วมพัฒนาทท.รับเออีซี
'กะเหรี่ยง-มอญ'ส่งสัญญาณ พัฒนาการค้า-ท่องเที่ยวรับอาเซียน : สกาวรัตน์ ศิริมารายงาน
นับเป็นครั้งแรกของคาราวานรถยนต์หอการค้าจังหวัดตากเข้าไปสำรวจเส้นทางการค้า และการท่องเที่ยว จุดเริ่มต้นจากอำเภอแม่สอดไปยังจังหวัดเมียวดี เข้าไปเมืองกอกาเรก ผ่านไปยังเมืองพะอัน และเมืองไจก์ทิโย ก่อนสิ้นสุดปลายทางที่เมืองเมาะละแหม่งประสบผลสำเร็จ ด้วยเหตุที่แต่เดิมหัวเมืองเหล่านี้เป็นพื้นที่ในความดูแลของรัฐกะเหรี่ยง และรัฐมอญ เป็นเมืองปิดจากปัญหาการเมืองในพม่ามานาน แต่วันนี้ดินแดนบริสุทธิ์อย่าง "เมืองพะอัน และเมืองเมาะละแหม่ง" พบว่ามีความมั่งคงไปด้วยทรัพยากร และวิถีชีวิตที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง อีกทั้งรัฐบาลท้องถิ่น และภาคเอกชนเริ่มมีปากมีเสียงได้เสรีขึ้น จึงมีโอกาสได้ถูกอวดโฉมต่อสายตาชาวโลก พร้อมๆกับการเปิดประเทศของรัฐบาลพม่า
U Zaw Min ผู้นำสูงสุด รัฐกระเหรี่ยง ประเทศพม่า กล่าวว่า ขณะนี้รัฐกะเหรี่ยงร่วมกับรัฐบาลพม่าพัฒนาการคมนาคม และการศึกษา ในระยะตั้งแต่ 1 ปี, 5 ปี และ20ปี โดยในด้านระบบคมนาคม ทางบกให้ความสำคัญในการปรับปรุงถนนจากเมียวดี-กอกาเรก-พะอัน ให้เสร็จภายในปี 2558 เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางจากพะอันเข้าไปยังย่างกุ้ง และเนปิดอว์เมืองหลวงของพม่าได้อย่างสะดวก พร้อมกันนี้ในด้านทางอากาศ เตรียมจะปัดฝุ่นสนามบินเก่าที่เมืองพะอันให้กลับมาใช้งานได้ ส่วนด้านทางน้ำ มีแม่น้ำสาละวินขนาดกว้างในเมืองพะอัน เพื่อสร้างท่าเรือเพื่อเชื่อมต่อไปยังท่าเรือน้ำลึกที่ทวายได้
ในช่วงที่ผ่านมา ปัญหาทางการเมืองในพม่าทำให้การพัฒนาหยุดชะงัก แต่หลังจากนี้ไป ทุกอย่างจะเดินหน้าเต็มที่ โดยรัฐบาลกะเหรี่ยงจะขอความร่วมมือกับรัฐบาลพม่า และรัฐบาลไทย เพื่อร่วมกันพัฒนาให้เสร็จระบบคมนาคมร่วมกัน อีกทั้งปัจจุบันนี้มีตั้งนิมอุตสาหกรรมพะอันขึ้นมารองรับการลงทุนจากนักลงทุนชาวต่างประเทศ เพราะมีทรัพยากรพร้อมเพรียง โดยเป้าหมายจะพัฒนาภาคอุตสาหกรรม และภาคเกษตรพร้อมๆกัน โดยขณะนี้นักลงทุนจากญี่ปุ่นลงทุนในนิคมดังกล่าว ในอุตสาหกรรมการ์เม้นท์ และทางจีนกับยุโรปก็เข้ามาสำรวจลู่ทางการลงทุน
ในด้านของเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศพม่า มองว่าจะไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้มีแต่จะพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งไทยและพม่าก็มีเป้าหมายเดียวกัน คือรวมกันเป็นหนึ่งในอาเซียน อีกทั้งหากมารวมประชากรไทยร่วมกับพม่าเป็นมีจำนวนมาก เหมาะที่จะเดินหน้าคู่กันเป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวในอาเซียน ซึ่งมองไปรอบข้างแล้ว มีความจำเป็นที่2ประเทศต่องผูกมิตรกันอย่างถาวร ที่สำคัญ เร็วๆนี้ รัฐบาลพม่าจะเปิดVISA ON ARRIVAL เพื่อสนับสนุนการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวในหัวเมืองชายแดนสำคัญ
Dr.Khin Maung Thwin รัฐมนตรีคลัง รัฐมอญ ประเทศพม่า กล่าวว่า รัฐมอญพึ่งพาภาคเกษตร เป็นตัวขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะยางพารา และข้าว รวมไปถึงภาคประมง โดยมีเมืองท่าขนาดใหญ่อยู่ที่เมาะละแม่ง ที่ผ่านมา มีไทยและจีนเป็นคู่ค้าหลัก และในอนาคต ด้วยระบบคมนาคมที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง การค้าขายระหว่างไทยจะเข้าถึงพม่าได้อย่างสะดวก ตั้งแต่อำเภอแม่สอด จังหวัดตากเข้าสู่จังหวัดเมียวดี, เมืองเมาะละแม่ง และสิ้นสุดปลายที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยปัจจบันนี้ ในด้านของเสถียรภาพทางเงิน โดยเฉพาะเงินจ๊าดยังอยู่ระหว่างการสร้างความมั่นคง มีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1 พันจ๊าดเท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรัฐบาลได้ผูกค่าเงินจ๊าดไว้กับเงินสกุลดอลลาร์สหัฐ แต่ก็จะมีผลกระทบกับผู้ส่งออก
ขณะเดียวกัน ในการเตรียมความพร้อมรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน มองว่าถึงเวลาที่ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชากรของประเทศสมาชิกควรจะรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะขณะนี้สภาพเศรษฐกิจถึงจุดเปลี่ยน เช่นเดียวกับการพัฒนาในรัฐมอญ ไม่ได้นิ่งเฉยต่อการดึงพันธมิตรจากนานาประเทศเข้ามาช่วยพัฒนาความรู้ทางด้านการเกษตร และการประมง โดยเฉพาะในเรื่องของเทคโนโลยีที่ยังถือว่ายังล้าหลังกว่าประเทศอื่นๆ และยุทธศาสตร์การพัฒนาของรัฐมอญ เน้นที่การแปรรูปยางพาราสนับสนถนให้มีการตั้งโรงงานทำถุงมือส่งออกทั่วโลก และการปลูกข้าวให้มีคุณภาพ ตลอดจนการพัฒนาประมงอย่างมีระบบ เชื่อว่าต่อไปเมืองเมาะละแหม่ง เมืองหลวงของรัฐมอญ จะเป็นเมืองที่มีศักยภาพทางการค้า และการลงทุน
"เหมาะละแหม่ง"เมืองท่าสู่อันดามัน
"เมาะละแหม่ง"ในวันนี้เปรียบเป็นทำเลทองในอาเซียนที่ยังมีกลิ่นของความสดใหม่เหมาะที่เข้าไปลงทุนอย่างรอบด้าน ความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำ 3 สาย คือ แม่น้ำสาละวิน, แม่น้ำใจ และแม่น้ำสะโตงมาบรรจบกันที่เมืองนี้ก่อนไหลลงสู่ทะเลอันดามันช่วยเสริมศักยภาพให้เป็นเมืองท่าทางทะเลลำดับต้นของประเทศพม่า ขณะที่มนต์เสน่ห์ของวิถีชีวิตชาวมอญเป็นสิ่งที่น่าจับต้อง โดยภายในเมืองนี้ไม่เพียงแต่จะมีวัดที่สวยงามหลายแห่ง แต่หากว่ายังสัมผัสได้ถึงแรงศรัทธาทางพุทธศาสนาของชาวมอญแทบทุกครัวเรือน อีกทั้งสภาพอาคารบ้านเรือนที่มีการก่อสร้างสไตล์ผู้ดีอังกฤษ ทำให้ทุกอย่างผสมผสานกันอย่างลงตัว ในการจะพัฒนาการค้า และการท่องเที่ยวควบคู่กัน
Hia Shein ประธานสภาการค้า และอุตสาหกรรมรัฐมอญ ประเทศพม่า กล่าวว่า "เมาะละแหม่ง" เป็นเมืองหลวงของรัฐมอญ เป็นคู่ค้าผ่านแดนกับประเทศไทยมาเป็นร้อยปี ผ่านเส้นทางถนนแม่สอด จังหวัดตาก ข้ามพรมแดนมายังจังหวัดเมียวดี ผ่านเมืองกอกาเรก, เมืองอินดู และเข้าสู่เมืองเมาะละแหม่ง ด้วยระยะทาง 168 กิโลเมตร และล่าสุด คาราวานรถยนต์หอการค้าจังหวัดตาก ได้เดินทางด้วยรถยนต์มาตามถนนเส้นนี้ เพื่อเชื่อมโยงการค้า และการท่องเที่ยวร่วมกันเป็นคณะแรก จึงเป็นการบันทึกเป็นประวัติศาตร์ร่วมกัน และเป็นสิ่งบ่งชี้ให้เห็นออกสู่สายตาชาวโลกถึงความพร้อมของภาคเอกชนรัฐมอญ ในการทำการค้าร่วมกับประเทศไทย ผ่านทางเส้นทางบกด้วยระยะทางเพียง 3-5 ชั่วโมง
สำหรับสภาการค้าฯตั้งมา3ปี มีสมาชิก 250 รายกระจายอยู่ในธุรกิจต่างๆ 67 สาขา แต่กลไกของการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจยังต้องอาศัยรัฐบาลมอญ มาเป็นตัวกลางเชื่อมโยงไปยังรัฐบาลพม่า และนานาประเทศ โดยในปี 2557 ถนนแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตกจะเกิดเป็นรูปธรรม ที่เชื่อมโยงจากพม่าไปยังประเทศไทยผ่านเข้าสปป.ลาวและต่อไปยังประเทศเวียดนาม จึงมีความเป็นไปได้ว่าเมืองเมาะละแหม่ง จะกลายเป็นประตูออกสู่ทะเลอันดามัน โดยที่ประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้จะหันมาพึ่งพาเส้นทางยุทธศาสตร์นี้มากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับที่รัฐบาลพม่ากำลังพัฒนาให้มีการเดินเรือขนาดใหญ่ในแม่น้ำสาละวินและออกสู่ทะเลอันดามัน เท่ากับว่าต่อไปการพึ่งพาส่งออกสินค้าไปยังประเทศที่ 3 ไม่จำเป็นต้องไปใช้เส้นทางผ่านประเทศสิงคโปร์
สิ่งสำคัญก่อนเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ภาคเอกชนรัฐมอญมองว่าอยากให้รัฐบาลพม่าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยเร็ว เช่นเดียวกันอยากให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาขยายการลงทุนในรัฐมอญ ซึ่งถือว่ามีศักยภาพความพร้อมในด้านการเกษตร และประมง โดยมีเป้าหมายอยากผลักดันให้เป็นฐานการส่งออกข้าวไปทั่วโลก แต่ยังขาดความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และสายพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพ ตอนนี้มีเพียงนักลงทุนชาวไทยเริ่มเข้ามาปลูกข้าว โดยใช้ระบบคอนเทคฟาร์มมิ่งในรัฐมอญแล้ว และสิ่งที่อยากให้มีการส่งเสริมควบคู่กันคือ การปลูกผลไม้ เช่น เงาะ, มังคุด และทุเรียน ซึ่งแม้จะมีพื้นที่รองรับจำนวนมาก แต่ก็ยังต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำด้านเทคนิคการปลูกผลไม้ และการควบคุมคุณภาพด้วย
Moe Kyaw เจ้าของโรงแรม NGWE MOE ในเมืองเมาะละแหม่ง รัฐมอญ และโรงแรม ZWE KABIN ในเมืองพะอัน รัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่า กล่าวว่า ตั้งแต่รัฐบาลพม่าเปิดประเทศนักธุรกิจในรัฐมอญมีการตื่นตัวต่อการค้า และการลงทุน โดยเฉพาะธุรกิจบริการ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เริ่มเข้ามาในพื้นที่มากขึ้น แม้ว่าตอนนี้ตนเองจะมีโรงแรมอยู่แล้ว 2 แห่ง แต่ในระยะยาวคาดว่าจะไม่เพียงพอ จึงได้ลงทุน1,400 ล้านจ๊าดสร้างโรงแรมเพิ่มอีก 60 ห้อง และลงทุนอีก 10,000 ล้านจ๊าด สร้างโรงพยาบาลเอกชน 50 เตียง ในเมืองเหมาะละแหม่ง เนื่องจากทำเลที่ตั้งเป็นเมืองท่าสู่ทะเลอันดามัน ที่เอื้อประโยชน์ต่อต่อภาคการประมงแล้ว ยังมีผลต่อไปยังภาคการท่องเที่ยวด้วย
.......
(หมายเหตุ : 'กะเหรี่ยง-มอญ'ส่งสัญญาณ พัฒนาการค้า-ท่องเที่ยวรับอาเซียน : สกาวรัตน์ ศิริมารายงาน)