ค้าชายแดนไทย-เมียนมาร์ครึ่งปีแรกฉลุย ด่านระนอง-เกาะสองทะลุหมื่นล้านเพิ่มขึ้น 20-30% เผยเหตุเมียนมาร์มีการเร่งพัฒนาโครงการสร้างพื้นฐานทางตอนใต้ของประเทศ ด้านแม่สอด-เมียวดีไม่น้อยหน้ามียอดการค้า 6 เดือนแรกกว่า 2.3 หมื่นล้าน ชี้ยอดสั่งซื้อโทรศัพท์มือถือเพิ่ม เหตุเริ่มรับเทคโนโลยีใหม่เพิ่มขึ้น
นางนฤมล ขรภูมิ ประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดระนอง เปิดเผยถึงบรรยากาศการค้าชายแดนไทย-เมียนมาร์ ด้านจังหวัดระนอง-เกาะสองว่า มีความคึกคักเป็นอย่างมาก หลังทางเมียนมาร์ได้มีแผนที่ขยายเส้นทางคมนาคม เพื่อรองรับการเชื่อมโยงเส้นทางการค้าในพื้นที่ทางตอนใต้ รวมทั้งโครงการพัฒนาต่างๆของทางการเมียนมาร์ที่ทำให้ส่งผลดีต่อการค้าชายแดนไทยด้านจังหวัดระนอง-เกาะสองเป็นอย่างมาก
โดยมูลค่าการค้าขายจากการประเมินของหอการค้าระนองและภาคเอกชน จังหวัดระนอง คาดว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 มูลค่าการค้าขายระหว่างไทยกับ-เมียนมาร์ทางด้านระนอง-เกาะสองมีมูลค่ามากกว่าหมื่นล้านบาท ขยายตัวจากปีที่ผ่านมาประมาณ 20-30% โดยสินค้า 3 กลุ่มที่ทางเมียนมาร์มีการสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้สินค้าทั้ง 3 กลุ่มมีการขยายตัวประกอบด้วยน้ำมันเชื้อเพลิง สินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง และสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จำเป็น ที่ทางเมียนมาร์มีการสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก ส่วนสินค้าที่ฝ่ายไทยต้องนำเข้ามาจากเมียนมาร์มากที่สุดคือสัตว์น้ำ
ทั้งนี้ที่ผ่านมาการค้าชายแดนไทย-เมียนมาร์ด้านจังหวัดระนอง-เกาะสอง มีมูลค่าการค้าขายประมาณ 600-800 ล้านบาทต่อเดือน และได้เพิ่มเป็น 800-1,000 ล้านบาท ส่วนในปัจจุบันพบว่าการค้าระหว่างกันมีการขยายตัวเพิ่มเป็น 1,500-2,000 ล้านบาทในแต่ละเดือน อีกทั้งขณะนี้ทางการเมียนมาร์มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศเป็นอย่างมาก เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต โดยในพื้นที่ทางตอนใต้ที่กำลังดำเนินการในขณะนี้ คือ การปรับปรุงเส้นทางคมนาคม และการตัดถนนเส้นทางใหม่ๆหลายเส้นทาง
รวมถึงการสร้างโรงงานไฟฟ้าขนาดเล็กที่จังหวัดเกาะสอง ทำให้ส่งผลดีต่อการค้าขายบริเวณชายแดนไทย-เมียนมาร์ที่พบว่าสินค้าประเภทวัสดุการก่อสร้าง เหล็ก ปูนซีเมนต์มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว จนทำให้มีบริษัทจัดจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ๆ เตรียมที่จะเข้ามาเปิดสาขาในจังหวัดระนอง เพื่อรองรับความต้องการใช้สินค้าประเภทวัสดุก่อสร้างในพื้นที่ชายแดนด้าน จ.ระนองที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงสินค้าประเภทเชื้อเพลิงที่พบว่าทางเมียนมาร์มีการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเช่นกัน เช่นเดียวกับสินค้าอุปโภค-บริโภคที่พบว่ามีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 30% เช่นกัน
ด้านนายสมศักดิ์ คะวีรัตน์ ประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวถึงการค้าชายแดนไทย-เมียนมาร์ ด้านแม่สอด-เมียวดี ในครึ่งแรกปี 2556 ว่า มูลค่าการค้าสูงกว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2555 ประมาณ 10 % โดยมีมูลค่าการค้าอยู่ที่ประมาณเดือนละ 3,500 - 4,000 ล้านบาท เฉลี่ยในภาคครึ่งปีแรกมูลค่าการค้าอยู่ประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นกว่าในภาคครึ่งปีแรกของปี 2555 ที่มีประมาณ 2 หมื่นล้านบาท สำหรับสินค้าส่งออกอันดับแรก ๆ ประกอบด้วย เบียร์ทำจากมอลต์ น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ ซึ่งจะเห็นได้ว่า โทรศัพท์มือถือกลายเป็นสินค้าที่ชาวเมียนมาร์ต้องการเพิ่มขึ้น จากการได้รับเทคโนโลยีสมัยใหม่ๆ
สถานการณ์การค้าชายแดน แม่สอด-เมียวดี ในภาคครึ่งปีแรกของปี 2556 ที่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนหนึ่ง มาจากทางการเมียนมาร์ ได้มีการยกระดับด่านเมียวดี เป็นด่านถาวร และอนุญาตให้ชาวไทย เดินทางจากชายแดนอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เข้าไปในเมืองชั้นในของเมียนมาร์ได้ทุกแห่ง โดยใช้วีซ่าเพียงอย่างเดียว ซึ่งปร ะชาชนสามารถเดินทาง โดยทางเครื่องบิน เพราะจะมีการเปิดสายการบินนกแอร์ นครแม่สอด ไปเมืองมะละแหม่ง และนครแม่สอดไปกรุงย่างกุ้ง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลต่อการพัฒนาการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ระหว่าง 2 ประเทศ ทางช่องทางอำเภอแม่สอดมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ทางเมียนมาร์ยังได้ประกาศยกเลิกกีดกันการส่งออกสินค้า 166 รายการ และสินค้านำเข้า 152 รายการ รวมสินค้าทั้งนำเข้าและส่งออกที่เมียนมาร์ได้ยกเลิกในการกีดกัน 318 รายการ ซึ่งการยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ประเทศเมียนมาร์ ในการห้ามนำเข้าและส่งออกสินค้าตามช่องทางชายแดน ทำให้ไทยและเมียนมาร์ มีการพัฒนาความสัมพันธ์ ทั้งทางด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวและความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรไมตรีอันดี ก่อนที่จะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,859 วันที่ 7 - 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556